Tag: Method

  • ปัญหาสุดคลาสสิคในการเทรด

    ปัญหาสุดคลาสสิคในการเทรด

    – บทความ ปัญหาสุดคลาสสิคในการเทรด โดย Pradeep Bonde – วันนี้ผมนำบทความของเทรดเดอร์มือเก๋าและโค้ชที่ฝึกเทรดเดอร์มามากมาย เกี่ยวกับปัญหาที่คนส่วนใหญ่เป็นกันจนมันเป็นปัญหาสุดคลาสสิคเลย จะเป็นปัญหาอะไรและแก้ไขอย่างไร ลองอ่านกันดูนะครับ บทความสั้นๆ ครับ “You can trade anything but not everything” ถ้าหากคุณอยากพัฒนาทักษะการเทรด สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ โฟกัสวิธีการเทรดให้แคบลง คุณควรเทรดแค่เพียงเซ็ทอัพเดียวหรืออย่างมากที่สุดเพียง 3 เซ็ทอัพ ยิ่งคุณมีเซ็ทอัพในการเทรดมากเท่าไหร่ คุณยิ่งจะจัดการมันได้ยากขึ้นเท่านั้น ทั้งเรื่องของการแสกนหาเซ็ทอัพ การวิเคราะห์ การเลือกและการจัดการเทรด มันยิ่งเป็นงานที่หินขึ้นตามเซ็ทอัพที่คุณมี ปัญหาสุดคลาสสิคที่คนทั่วไปทำได้แย่มากในตลาด คือพวกเขาไม่สามารถโฟกัสในเซ็ทอัพใดเซ็ทอัพหนึ่งได้ เมื่อไหร่ที่คุณสามารถกำจัดเซ็ทอัพที่มีอยู่เยอะแยะและโฟกัสแค่เพียง 1 หรือ 2 เซ็ทอัพ คุณจะพบกับความจริงได้อย่างรวดเร็ว คุณจะเริ่มเชี่ยวชาญในเซ็ทอัพของคุณ และเริ่มปรับรายละเอียดต่างๆ ในเซ็ทอัพนั้นให้ดียิ่งขึ้น ทุกๆ งานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาความเชี่ยวชาญบ่งบอกว่าการโฟกัสสิ่งต่างๆ ให้แคบลงคือวิธีการที่ดีสุดในการพัฒนาความเชี่ยวชาญในทุกแขนง มันทำให้คุณสามารถพัฒนาทักษะที่เฉพาะและจำเป็นต่อความเชี่ยวชาญนั้นๆ ดังนั้นในทุกสัปดาห์คุณควรที่จะคิดเรื่องการจำกัดการฝึกในเซ็ทอัพให้แคบลง และกำจัดอะไรที่มันไม่ได้ส่งผลดีต่อคุณออกไป ทำไมเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ถึงไม่สามารถอยู่กับเซ็ทอัพใดเซ็ทอัพหนึ่งได้นาน หรือเทรดหลายๆ วิธีการ ? นั่นเพราะว่าพวกเขาขาดความเชื่อมั่นและเชี่ยวชาญในวิธีการเทรด หรือคิดว่าคนอื่นๆ…

  • ผมเป็นเทรดเดอร์ ไม่ได้เป็นนักวิเคราะห์

    ผมเป็นเทรดเดอร์ ไม่ได้เป็นนักวิเคราะห์

    – ผมเป็นเทรดเดอร์ ไม่ได้เป็นนักวิเคราะห์ โดย Peter Brandt, Market Wizard – “A great technical analyst cannot always be a good trader. A good trader is always a good risk manager — it is what makes him/her a good trader. Trading and analysis are two different skill sets. A tiny percentage of traders possess both capabilities.” – Peter…

  • การซื้อหุ้นแบบพีระมิด

    การซื้อหุ้นแบบพีระมิด

    – การซื้อหุ้นแบบพีระมิด (PYRAMID YOUR WAY TO PROFITS) โดย Humble Trader Diary – กลับมาเขียนอะไรที่เป็น Method บ้างครับ จะเขียนสลับๆไปมาระหว่างบทความแปลกับพวก Mindset จะได้หลากหลายครับ ฝากกด Like กด Share ด้วยนะครับ ปล เนื้อหาอาจจะเป็นกราฟ Bar Chart ที่แอดมินถนัดนะครับ ใครใช้แท่งเทียนต้องขอโทษด้วยนะครับ การซื้อหุ้นแบบพีระมิดหรือการซื้อเฉลี่ยขาขึ้น จากการที่เราซื้อหุ้นไม้เดียวจะเปลี่ยนมาเป็นการทยอยซื้อแบ่งเป็นขั้นๆ โดยที่การซื้อขั้นแรกจะซื้อเป็นสัดส่วนเยอะที่สุด เมื่อหุ้นยิ่งขึ้นเราจะยิ่งทยอยซื้อเป็นขั้นขึ้นไปจนเต็ม Position คล้ายๆกับการสร้างพีระมิดในอียิปต์ เราจะแบ่งการซื้อเป็นกี่ไม้แล้วแต่เราถนัดนะครับ แต่ตามที่แอดมินถนัดก็จะเป็นสัดส่วน 50%-30%-20% โดยที่หน้าต่อไปเราจะมาพูดถึงข้อดี-ข้อเสียของมันกันครับ มาถึงเรื่องของข้อดี-ข้อเสียในการซื้อหุ้นแบบพีระมิดนะครับ อย่างที่เคยบอกในหลายๆครั้งว่าการเล่นทุกรูปแบบมันก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย จุดสำคัญคือต้องเข้าใจและเลือกที่เหมาะกับเราผ่านการทดลองใช้งาน เรามาพูดถึงข้อดีของมันก่อน ข้อดีของการซื้อแบบพีระมิด 1. การซื้อแบบพีระมิดเหมือนเป็นการลองแหย่เท้าข้างนึงลงไปในน้ำก่อนที่เราจะลงน้ำไปทั้งตัวครับ มันคือการลดความเสี่ยงจากการที่เราซื้อหุ้นเต็มจำนวน เปลี่ยนเป็นการซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งก่อน รอให้มันพิสูจน์ตัวเองว่ามันขึ้นแล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักของการถือขึ้นไป ถ้าเราขาดทุนแต่แรกเราจะขาดทุนน้อยกว่าที่เราซื้อเต็มจำนวน (ถ้าเราวางStop loss เท่ากัน) ยิ่งในตลาดที่ไม่อำนวยต่อการซื้อ เกิดการ…

  • ตลาดมักบอกใบ้เราเสมอ (Part 2)

    ตลาดมักบอกใบ้เราเสมอ (Part 2)

    – ตลาดมักบอกใบ้เราเสมอ ภาค 2 การปรับใช้งาน โดย Humble Trader Diary – พอดีมีบทความนึงที่หลายๆคนมักถามเข้ามาตลอดตั้งแต่ผมเริ่มทำเพจ เป็นบทความที่คนค่อนข้างให้ความสนใจและได้รับ Feedback กลับมาเยอะ ความเห็นค่อนข้างหลากหลาย ฉะนั้นเพื่อให้หลายๆท่านเข้าใจมันมากขึ้น ผมก็เลยเขียนบทความนี้เพิ่มขึ้นมาครับ งั้นเรามาเริ่ม Part 2 กันเลยครับ หมายเหตุ : โดยส่วนตัวแล้วผมเองจะไม่ค่อยอยากแชร์ หรือพูดเกี่ยวกับหุ้นไทยแบบเจาะจงรายตัวลงในเพจเท่าไหร่นัก เพราะมันจะเป็นการชี้นำมากเกินไป (ซึ่งถ้าใครอ่านบทความทั้งหมดมา ผมยกหุ้นไทยในบทความนับครั้งได้เลย หรือไม่ก็เป็นหุ้นไทยที่เหตุการณ์เกิดขึ้นนานแล้ว ส่วนใหญ่จะเอาตัวอย่างหุ้นฝรั่งให้ดู) แต่เพื่อเป็นการอธิบายให้ทุกคนเข้าใจและนำไปปรับใช้กันง่ายขึ้น ผมจะขอยกตัวอย่างหุ้นไทยโดยที่จะเอามาจากช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งห่างจากเวลาปัจจุบันเป็นเวลา 2-3 เดือน (ถ้ามีการยกตัวอย่างหุ้นไทยในบทความถัดๆไป ผมก็ว่าจะทิ้งระยะห่างจากปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือนครับ) เรามาเริ่มทวนหลักการจากบทความที่แล้วกันก่อน “หุ้น 80-90% ในตลาดจะแสดงพฤติกรรมเดียวกับดัชนีของมัน” ถ้าตลาดลงหนัก หุ้นส่วนใหญ่จะลงหนัก ถ้าตลาดเป็นเทรนด์ขาลงระยะยาว หุ้นส่วนใหญ่ก็จะพังเป็นแนวโน้มขาลงไปพร้อมกับตลาด ส่วนที่ตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานหรือเป็นขาลง แล้วมีหุ้นที่สามารถยืนอยู่ได้โดยที่ไม่ลงเหวไปกับตลาดหรือหลายตัวที่ขึ้นสวนทางเลยหุ้นเหล่านี้เรียกว่า “หุ้นที่แกร่งกว่าตลาด” เรามาดูหุ้น “GULF” ในช่วงปีที่แล้วกันครับ ในช่วงต้นปี ถึงช่วงต้นเมษายน…

  • ตลาดมักบอกใบ้เราเสมอ (Part1)

    ตลาดมักบอกใบ้เราเสมอ (Part1)

    – ตลาดมักบอกใบ้เราเสมอ by Humble Trader Diary – บทความนี้ผมเคยไปแชร์ให้กลุ่มเทรดกลุ่มนึงแล้ว วันนี้เอามาเขียนเป็นบทความให้พอได้แนวคิดครับ แนวคิดนี้ได้มาจาก Joe Fahmy ที่พูดในงานของ ChartSummit และ David Ryan จากสัมมนา Actionable Insight นะครับ ถ้าใครตามอ่านงานของ 2 ท่านนี้มาจะรู้ว่าทั้ง 2 ท่าน เทรดโดยนำ Criteria ทางด้านปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจ แต่สิ่งที่ทั้งสองท่านมักพูดอยู่เสมอคือ ให้สังเกตที่ตลาดกับหุ้นรายตัวในตลาด โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ปัจจัยอื่น เช่น พื้นฐานหุ้น หรืออินดิเคเตอร์ต่างๆนาๆ เราก็พอจะสามารถหาหุ้นผู้ชนะในอนาคตได้ครับ ซึ่งวันนี้ผมจะขยายหลักการนี้ โดยเอามาเขียนในแบบง่ายๆ โดยที่คนไม่ได้ศึกษาทางด้านนี้มาก็สามารถนำมาปรับใช้ได้ ลองดูกันครับ เรามาพูดถึงหลักการง่ายๆกันก่อน ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่เราเรียกว่า SET INDEX (SET) มันคือดัชนีราคาที่สะท้อนหุ้นทุกตัวในตลาด เพราะมันถูกคำนวณจากราคาหุ้นทุกตัวในตลาดมาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก จึงไม่แปลกเลยที่เราจะเห็นได้ว่าถ้าวันไหน SET ขึ้นแรง หุ้นในตลาดก็มีความน่าจะเป็นขึ้นแรง ถ้า SET ตกหนักเราก็จะเห็นหุ้นเกือบทั้งตลาดตกหนัก…

  • บทเรียนจากลูกของพ่อมดตลาดหุ้น : เพราะแบบนี้กฎการขายหุ้นถึงสำคัญ

    บทเรียนจากลูกของพ่อมดตลาดหุ้น : เพราะแบบนี้กฎการขายหุ้นถึงสำคัญ

    – บทเรียนจากลูกของพ่อมดตลาดหุ้น แปลและเรียบเรียงโดย Humble Trader Diary – ตามหลักการนักลงทุนควรมีกฎการขายหุ้น 2 ชุด ชุดแรกใช้สำหรับการล็อคผลกำไรที่ได้ กับอีกชุดหนึ่งใช้ในการป้องกันนักลงทุนจากการขาดทุนหนัก เมื่อหุ้นที่คุณเทรดได้กำไรจำนวนมากหรือขาดทุนจำนวนมาก โอกาสที่อารมณ์ของคุณจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจก็มากขึ้นตามไปด้วย มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการมีกฎในการขายถึงสำคัญมาก กฎพวกนี้ช่วยลดการตัดสินใจด้วยอารมณ์และโฟกัสไปที่การกระทำอย่างมีเหตุผล เหมือนกับที่หมอใช้ผลของชาร์ตและเอกซเรย์ในการช่วยยืนยันผลของการรักษาโรค กฎการขายที่สำคัญที่สุดของพวกเราคือการขายเพื่อรักษาเงินทุนและป้องกันการขาดทุนหนักโดยจำกัดการขาดทุนไม่เกิน 8% ถ้าพวกเราทำการบ้านมาอย่างถูกต้องและเข้าเทรดในจุดที่ถูกต้อง หุ้นของเราไม่ควรจะตกไปถึง 8% ถ้ามันเกิดขึ้นแสดงว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเราลงทุนในช่วงที่ตลาดอ่อนแอ อย่างไรก็ตามความผิดเหล่านี้พวกผมจะแก้มันโดยการตัดขาดทุนโดยทันที การ “Cut Loss Short” เป็นการทำให้เราหลุดจากบ่วงกับดักของอีโก้ของตัวเอง “เฮ้ย เราลงทุนในบริษัทที่ดี งบก็ออกมาดี เราทำถูกแล้ว ไม่ต้องขายหรอก เดี๋ยวมันก็กลับขึ้นมา” หรือกับดักของความหวัง “ขอให้หุ้นมันเด้งซักหน่อยเหอะหว่ะ ถึงทุนเลยยิ่งดีจะได้ขายออกไปซักที” ยิ่งไปกว่านั้นนักลงทุนหลายคนมักซื้อถัวเฉลี่ยขาลงแทนที่จะทำตามกฎการขายที่เหมาะสม การเข้าไปถัวหุ้นที่คุณขาดทุนอยู่สามารถทำให้เกิดความหายนะต่อพอร์ตได้เลย การถัวมันสามารถทำให้ทุนเฉลี่ยของหุ้นคุณต่ำกว่าเดิมได้ก็จริง แต่เมื่อหุ้นมันตกใครจะไปรู้ว่ามันจะตกไปอีกไกลแค่ไหน นักลงทุนหลายคนมีก็มีปัญหากับการจัดการกับหุ้นที่ตัวเองกำไรไม่แพ้คนที่มีปัญหากับการตัดขาดทุน มันเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจำเป็นต้องมีกฎการขายเพื่อที่จะกำหนดว่าเมื่อไหร่ควรจะเทคกำไรออกมา การทำอะไรมั่วๆมันไม่ดีพอหรอกโดยเฉพาะในตลาดหุ้น จากการค้นคว้าของเราหุ้นนำตลาดส่วนใหญ่จะเบรคขึ้นจากฐานราคาประมาณ 20-25% แล้วมีแนวโน้มว่าจะย่อแล้วสร้างฐานใหม่ ดังนั้นกฎของพวกเราคือการขายหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดเมื่อหุ้นขึ้น 20-25% เวลาที่ดีที่สุดที่จะขายหุ้นก็คือช่วงที่หุ้นมันยังขึ้นอยู่ (Sell into strength) ขณะที่หุ้นกำลังขึ้นพวกเราไม่ประมาทและเฝ้าระวังสัญญาณที่เทรนด์ขาขึ้นจะอ่อนแอลงอยู่ตลอด…

  • การดูสภาวะตลาดโดยรวมในตลาดหุ้น

    การดูสภาวะตลาดโดยรวมในตลาดหุ้น

    – การดูสภาวะตลาดโดยรวมในตลาดหุ้น by Humble Trader Diary – บทความนี้จะมาแชร์เกี่ยวกับการดูสภาวะตลาดเบื้องต้นของตลาดหุ้นในแบบของผมนะครับ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นวิธีที่คิดเอง ก็ศึกษาชาวบ้านเขามาแล้วก็เอามาทำให้มันเหมาะกับตัวเอง คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่าน โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มเล่นหุ้นเพราะมันค่อนข้างเบสิคมาก ลองอ่านดูนะครับ จริงๆแล้วการดูสภาวะตลาดมันมีมากมายร้อยแปด แต่ผมจะยกหลักในการดูสภาวะตลาดเบื้องต้นมาแชร์เป็นหลักการง่ายๆ 2 วิธีคือ วิธีแรก การดูสภาวะตลาดโดยใช้เส้น Moving Average โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยง่ายๆ 2-3 เส้น เนื่องจากฟังจาก Fahmy และ Minervini ทั้ง 2 คน live แล้วพูดวิธีนี้บ่อยๆ ลองเอามา adapt แล้วเอามาแชร์ครับ วิธีที่สอง The CANSLIM market stage การกำหนดสภาวะแบบ CANSLIM วิธีนี้หลายคนน่าจะเคยอ่าน วิธีนี้พัฒนาโดย Bill O’Neil  มาเริ่มวิธีแรกก่อนก็คือ การดูสภาวะตลาดจากเส้นค่าเฉลี่ยหรือ Moving Average ฝรั่งที่ผมศึกษามาจะใช้ SMA หรือไม่ก็ WMA…