Tag: KEY PRINCIPLES
-
ปัญหาสุดคลาสสิคในการเทรด
– บทความ ปัญหาสุดคลาสสิคในการเทรด โดย Pradeep Bonde – วันนี้ผมนำบทความของเทรดเดอร์มือเก๋าและโค้ชที่ฝึกเทรดเดอร์มามากมาย เกี่ยวกับปัญหาที่คนส่วนใหญ่เป็นกันจนมันเป็นปัญหาสุดคลาสสิคเลย จะเป็นปัญหาอะไรและแก้ไขอย่างไร ลองอ่านกันดูนะครับ บทความสั้นๆ ครับ “You can trade anything but not everything” ถ้าหากคุณอยากพัฒนาทักษะการเทรด สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ โฟกัสวิธีการเทรดให้แคบลง คุณควรเทรดแค่เพียงเซ็ทอัพเดียวหรืออย่างมากที่สุดเพียง 3 เซ็ทอัพ ยิ่งคุณมีเซ็ทอัพในการเทรดมากเท่าไหร่ คุณยิ่งจะจัดการมันได้ยากขึ้นเท่านั้น ทั้งเรื่องของการแสกนหาเซ็ทอัพ การวิเคราะห์ การเลือกและการจัดการเทรด มันยิ่งเป็นงานที่หินขึ้นตามเซ็ทอัพที่คุณมี ปัญหาสุดคลาสสิคที่คนทั่วไปทำได้แย่มากในตลาด คือพวกเขาไม่สามารถโฟกัสในเซ็ทอัพใดเซ็ทอัพหนึ่งได้ เมื่อไหร่ที่คุณสามารถกำจัดเซ็ทอัพที่มีอยู่เยอะแยะและโฟกัสแค่เพียง 1 หรือ 2 เซ็ทอัพ คุณจะพบกับความจริงได้อย่างรวดเร็ว คุณจะเริ่มเชี่ยวชาญในเซ็ทอัพของคุณ และเริ่มปรับรายละเอียดต่างๆ ในเซ็ทอัพนั้นให้ดียิ่งขึ้น ทุกๆ งานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาความเชี่ยวชาญบ่งบอกว่าการโฟกัสสิ่งต่างๆ ให้แคบลงคือวิธีการที่ดีสุดในการพัฒนาความเชี่ยวชาญในทุกแขนง มันทำให้คุณสามารถพัฒนาทักษะที่เฉพาะและจำเป็นต่อความเชี่ยวชาญนั้นๆ ดังนั้นในทุกสัปดาห์คุณควรที่จะคิดเรื่องการจำกัดการฝึกในเซ็ทอัพให้แคบลง และกำจัดอะไรที่มันไม่ได้ส่งผลดีต่อคุณออกไป ทำไมเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ถึงไม่สามารถอยู่กับเซ็ทอัพใดเซ็ทอัพหนึ่งได้นาน หรือเทรดหลายๆ วิธีการ ? นั่นเพราะว่าพวกเขาขาดความเชื่อมั่นและเชี่ยวชาญในวิธีการเทรด หรือคิดว่าคนอื่นๆ…
-
10 เคล็ดลับความสำเร็จในการทำผลตอบแทนระดับสุดยอด
– 10 เคล็ดลับความสำเร็จในการทำผลตอบแทนระดับสุดยอดโดย Roy Mattox – วันนี้ผมเอาทริคการเทรดของคุณ Roy Mattox เทรดเดอร์ประสบการณ์สูงกว่า 37 ปี ซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่ง Chief Market Strategist and Portfolio Manager ของ INTEGRATED FINANCIAL STRATEGIES, LLC ที่บริหารเงินกว่าหมื่นล้านบาท ปีที่ผ่านมาคุณ Roy เข้าแข่งขันและได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศในรายการ The US Investing Championship 2021 (รุ่น Stock Division) โดยทำผลตอบแทนไปได้ 214.4% และนี่คือ 10 ทริคของคุณ Roy ที่ทำให้แกสามารถทำผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและอยู่มาอย่างยาวนานในตลาดหุ้นครับ 1. อย่าเทรดกระจายตัวมากเกินไป เพื่อที่จะทำผลตอบแทนที่ชนะตลาด เราควรที่จะโฟกัสหรือถือสถานะในหุ้นประมาณ 5-6 ตัว หรืออย่างมากที่สุดคือ 10 ตัว (ถ้ามากกว่านั้นอาจจะบริหารยากและเป็นการลดผลตอบแทนซะมากกว่า) เราไม่สามารถทำผลตอบแทนได้น้ำได้เนื้อได้เลยถ้าเราถือหุ้นทีเป็น 100…
-
A Guide to Super Performance บทสัมภาษณ์ของสุดยอดนักลงทุน ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 DR. MATTHEW CARUS Interview by Capitalise มาต่อกันกับบทสัมภาษณ์สุดยอดนักลงทุนตอนที่ 3 ครับ ผมเอาบทสัมภาษณ์ของคุณ Matthew Caruso นักลงทุนที่เพิ่งแจ้งเกิดไม่นานจากเวทีการแข่งขัน U.S. investing championship ครับ เขาคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่ทำลายสถิติผลตอบแทนสูงสุดในการแข่งขันรายการนี้ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 จนทำผลตอบแทนตอนจบการแข่งขันไปได้ 346% และคว้าอันดับที่ 4 ในการแข่งขันไป (ช่วง 9 เดือนแรกแกอยู่อันดับ 1 แล้วถูกแซงในไตรมาสสุดท้าย) ผมมีโอกาสได้เรียนในคลาส online ของแก “The Active Growth Investor” แล้วชอบมากก็เลยค่อนข้างติดตามทุกงานที่แกไปสัมภาษณ์ วันนี้ผมเอาบทสัมภาษณ์ของแกกับ Capitalise ซึ่งคิดว่ามีประโยชน์มาก ลองอ่านกันดูนะครับไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ สวัสดีครับคุณ Matt สำหรับผู้อ่านทุกคน คุณช่วยแนะนำตัวเองซักเล็กน้อยได้มั้ยครับ แน่นอนครับ ผมมีความสนใจในตลาดหุ้นมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อของผมเคยอนุญาติให้ผมเทรดในพอร์ตของเขาในตอนที่ผมยังเด็กมากและยังไม่สามารถเปิดพอร๋ตได้ ผมโชคดีที่เมื่อผมจบจากชั้นมหาวิทยาลัยงานแรกของผมคือการเป็น market maker ผมทำงานที่นั่นซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดา…
-
A Guide to Super Performance บทสัมภาษณ์ของสุดยอดนักลงทุน ตอนที่ 2
ตอนที่ 2 DR. VAN K. THARP Interview by Adrian Reid มาต่อกันเรื่องบทสัมภาษณ์ของสุดยอดตำนานในอุตสาหกรรมการเทรดและการลงทุนนะครับ ในตอนที่ 2 ผมนำบทสัมภาษณ์ของสุดยอดโค้ชเทรดเดอร์อย่าง Dr. Van K. Tharp มาให้ทุกท่านอ่านกันนะครับ ดอกเตอร์ Van K Tharp ถือเป็นบุคคลระดับตำนานที่สร้างผลงานไว้กับวงการตลาดทุนอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการโค้ชเทรดเดอร์ คอร์สสัมมนา หรือหนังสือเกี่ยวกับการเทรดระดับตำนานอย่าง “Trade Your Way To Financial Freedom” และ “Super Trader” อีกทั้งท่านยังเป็นคนที่ถูกสัมภาษณ์และบรรจุลงในหนังสือ Market Wizards เล่มแรกของคุณ Jack D. Schwager อีกด้วย ช่วงหลายปีหลังผมตามผลงานเก่าๆ ของดอกเตอร์ค่อนข้างเยอะครับ โดยเฉพาะปีนี้ที่เป็นอ่านเป็นหลัก เพราะสนใจในเรื่องของการวางระบบ การกำหนด position sizing และจิตวิทยาการเทรด ซึ่งคิดว่าเป็นที่เริ่มศึกษาได้ดีเลย วันนี้ก็เลยเอาบทสัมภาษณ์สั้นๆ ของดอกเตอร์มาให้อ่านกันครับ…
-
A Guide to Super Performance บทสัมภาษณ์ของสุดยอดนักลงทุน ตอนที่ 1
ตอนที่ 1 MARK MINERVINI Interview by Ben Hobson ทางเพจก็ขอสนับสนุนเรื่องการอ่านบทสัมภาษณ์ โดยการแปลออกมาให้คนในเพจอ่านกัน โดยผมคิดว่าจะทำออกมาเป็น Series เลยโดยใช้ชื่อว่า “A Guide to SuperPerformance บทสัมภาษณ์ของสุดยอดนักลงทุน” โดยเริ่มจากคนที่ง่ายที่สุดก่อนคือ จารย์มาร์คนี่แหละครับ ฮาฮา ซึ่งคนต่อๆ ไปที่คิดว่าจะเป็นของสาย CANSLIM ก่อน แล้วก็พวกเหล่า Market Wizard และเหล่า Hedge fund Manager ระดับเทพกันนะครับ ยังไงก็ลองติดตามกันดูนะครับ ช่วยบอกผมเกี่ยวกับวิธีที่คุณคิดค้นและพัฒนากลยุทธ์ของคุณหน่อยครับ กลยุทธ์ของผมพัฒนาอย่างเรียบง่ายเพราะผมมีเงินน้อยในช่วงเริ่มต้น และผมต้องการเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเงินจำนวนมาก ดังนั้นผมจึงต้องหาวิธีการเทรดที่สามารถทบต้นเงินของผมอย่างรวดเร็ว ในช่วงเริ่มต้น ผมไม่สามารถทำการเทรดระยะสั้นหรือการเล่นสวิงเทรดเหมือนที่คุณทำในทุกวันนี้ได้ ในตอนนั้นค่าคอมมิชชั่นมากถึง $175 ต่อการเทรดแต่ละครั้ง ด้วยพอร์ตขนาดเล็กของผมในช่วงต้นของยุค 1980 ด้วยเงินไม่กี่พันเหรียญดอลลาร์ ผมไม่สามารถจ่ายค่าคอมมิชชั่นในการเข้า-ออกหุ้นแต่ละตัวมากนัก คุณต้องโทรศัพท์ไปหาโบรคเกอร์ของคุณ และเขาจะโทรไปหาใครซักคนบนฟลอร์ และมันเป็นกระบวนการที่ยาวกว่าปัจจุบันมากในการส่งคำสั่งการเทรดแต่ละครั้ง ในอดีตเราต้องคอยหาการเคลื่อนที่ครั้งใหญ่ในหุ้นแต่ละตัว แต่ในตอนนี้คุณสามารถที่จะเทรดระยะสั้นและมันมีสภาพคล่องเยอะดังนั้นมันจึงมีการเข้าออกสถานะการเทรด การ Swing Trade…
-
นักเก็งกำไรที่ฉลาดทุกคนจะเตรียมพร้อมกับสัญญาณอันตรายเสมอ
– นักเก็งกำไรที่ฉลาดทุกคนจะเตรียมพร้อมกับสัญญาณอันตรายเสมอ Lessons from The Great Bear Of Wallstreet – หุ้นก็เปรียบเหมือนกับมนุษย์ที่มีทั้งนิสัยและพฤติกรรม บางตัวมีความเครียด กระสับกระส่าย และผันผวน บางตัวมั่นคง ตรงไปตรงมาและมีเหตุผล เทรดเดอร์ผู้มีความชำนาญจะเรียนรู้และพิจารณาว่าหุ้นตัวนั้นๆ เป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวของหุ้นสามารถคาดการณ์ได้ภายใต้สภาวะที่หลากหลาย ตลาดหุ้นไม่เคยอยู่นิ่ง บางครั้งพวกมันอาจซบเซาแต่ไม่ได้หยุดที่ราคาใดราคาหนึ่ง เพียงแค่เคลื่อนไหวขึ้นหรือลงเล็กน้อย เมื่อหุ้นเริ่มมีแนวโน้มที่ชัดเจน มันจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางนั้นอย่างต่อเนื่องตามเส้นแนวโน้ม ตลอดทางการเคลื่อนที่ของราคา คุณจะสังเกตเห็นปริมาณการซื้อขายจำนวนมากที่มาพร้อมกับการขึ้นของราคาอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่วันที่จุดเริ่มต้นของแนวโน้ม หลังจากนั้นสิ่งที่ผมเรียกว่า “การสะท้อนอย่างปกติ” จะเกิดขึ้น โดยปริมาณการขายของการสะท้อนนั้นจะมีปริมาณน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่หุ้นขึ้น การสะท้อนนี้คือสิ่งปกติที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นอย่าไปกลัวกับการเคลื่อนไหวเช่นนี้ แต่ควรระวังการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติมากกว่าอย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมราคา ในช่วงหนึ่งถึงสองวันต่อมา การขึ้นของราคาจะเกิดขึ้นอีกครั้ง รวมถึงปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นด้วย ถ้าการเคลื่อนไหวของราคานี้เป็นของจริง การสะท้อนอย่างปกติจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและหุ้นจะขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ครั้งนี้ การขึ้นของราคาควรจะเป็นไปอย่างแข็งแกร่งซักระยะโดยมีการสะท้อนระหว่างวันเพียงเล็กน้อย ไม่ช้าหรือเร็ว หุ้นจะเข้าสู่ช่วงการสะท้อนอย่างปกติอีกครั้ง เมื่อการตอบสนองเกิดขึ้น มันควรจะอยู่ในระนาบเดียวกับการตอบสนองครั้งแรก เพราะนี่คือพฤติกรรมปกติที่หุ้นเคลื่อนไหวในช่วงที่มีแนวโน้วอย่างชัดเจน ช่วงแรกของการขึ้นของราคา ระยะจากจุดที่อยู่เหนือจุดสูงสุดเดิม ถึงจุดสูงสุดใหม่จะยังไม่ห่างกันมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสังเกตเห็นการเคลื่อนที่ของราคาขึ้นไปได้รวดเร็วกว่าเดิมมาก ผมขออธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น เมื่อเราซื้อหุ้นที่ 50 เหรียญในระยะแรกของการเคลื่อนที่ ราคาของหุ้นขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึง 54…
-
กับดักความอยากรวย
– กับดักความอยากรวย โดย Justin Paolini – วันนี้เอาบทความของคุณ Paolini โค้ชเทรดเดอร์ค่าเงินสัญชาติอิตาลี และตัวผมเป็นแฟนคลับงานเขียนของเขาครับ บทความนี้เขียวเกี่ยวกับปัญหาที่ตัวผมเจอในตอนเริ่มต้นของการเทรด นั่นคือเรื่องของการคิดถึงเรื่องผลลัพธ์มากเกินไป จริงๆ ถ้าเข้าใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ช่วงที่เทรดใหม่ๆ คงไม่ต้องงมเกี่ยวกับการเทรดนานอย่างที่เป็นอยู่ คิดว่ามีประโยชน์ครับโดยเฉพาะกับมือใหม่ที่เข้ามาเทรดไม่นาน บทความไม่ยาวมาก ลองอ่านกันดูนะครับ “ถ้าหากอยากประสบความสำเร็จในการเทรด คุณจำเป็นจะต้องฆ่าความสัมพันธ์” – Van Tharp – ทำไมคุณถึงเข้ามาสนใจในเรื่องการเทรด ? มันเป็นเพราะคุณหลงใหลในเรื่องของเศรษฐศาสตร์มหภาคหรือตลาดการเงินรึเปล่า หรือคุณสนใจมันเพราะเหตุผลอย่างเดียวเลย คือ คุณอยากรวย ? มันไม่ได้น่าแปลกใจเลยที่คนส่วนใหญ่หันมาเทรดเพราะพวกเขาเหนื่อยล้ากับการทำงานประจำและต้องการวิธีหาเงินที่ง่ายกว่า หรือบางทีพวกเขาอยากที่จะเทรดเพิ่มรายได้ระหว่างที่ทำงานประจำไปด้วยเพื่อพวกเขาจะได้เกษียนก่อนวัยบนเกาะหรูๆ แห่งหนึ่ง เหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมามีจุดร่วมกันเพียงสิ่งเดียวเลยคือ เงิน คือ เป้าหมายหลักที่พวกเขาต้องการ ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่า สาเหตุหลักที่คนล้มเหลวในตลาดหุ้น คือพวกเขาโฟกัสแต่เรื่องเงินนี่แหละ จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ยิ่งคุณจดจ่อกับเป้าหมายทางด้านตัวเงินมากเท่าไหร่ เงินจะยิ่งถอยห่างจากคุณมากเท่านั้น เทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดที่ผมรู้จักเขามักมีคุณสมบัติเหล่านี้ เงินนั้นเป็นเพียงผลพลอยได้จากความพยายามของพวกเขาเท่านั้น Greed is not good มีสุภาษิตโบราณหนึ่งที่ถูกพูดในวงการมาอย่างยาวนานบอกไว้ว่า “90% ของเทรดเดอร์ทั้งหมดจะขาดทุน 90% ภายใน…
-
ความหวังคือที่พักพิงสุดท้ายของคนไม่เตรียมตัว
– ความหวังคือที่พักพิงสุดท้ายของคนไม่เตรียมตัว โดย Humble Trader Diary – “พี่หวังว่าหุ้นที่พี่มีจะเด้งกลับไปเท่าเดิม” คำพูดนี้เป็นประโยคที่คนในงานสัมมนาคนนึงพูดกับผมไว้เมื่อต้นปี หุ้นที่พี่เขาถือไว้เมื่อปลายปี 2560 ขาดทุนกว่า 60% โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาในเร็ววัน “ความหวัง” ในด้านของการใช้ชีวิต “ความหวัง” คือคำที่ไว้ใช้ให้กำลังใจคนอื่นหรือตัวเราให้เดินหน้าต่ออย่างไม่ท้อถอย หรือใช้ในทางศาสนาเพื่อให้เราศรัทธาในอะไรซักอย่างหนึ่ง เวลาที่เราลงทุนแล้วหุ้นที่เราซื้อไปมันร่วงลงไปต่ำกว่าจุดที่เราซื้อ จุดตัดขาดทุนที่เราคิดว่าจะตัดขาดทุนใกล้เข้ามาทุกที เวลาผ่านไปมันร่วงไปถึงจุดนั้น แต่เราดันไม่ทำตามที่เราคิดไว้ตอนแรก ตัวเราเริ่มหาเหตุผลต่างๆนาๆมาเพื่อสนับสนุนตัวเองว่าทำไมเราไม่ควรขายมันออกมาทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมี จนมันดิ่งต่ำลงไปเรื่อยๆ หลุดแนวรับที่ 2, 3 และ4 จนสุดท้ายมันไม่เหลือเหตุผลอะไรที่จะถือต่อ ยกเว้นอย่างเดียวคือ “ความหวัง” “ความหวัง” เป็นเพียงคำนามธรรมคำหนึ่งเช่นเดียวกับ “ความคิดเห็น” และ “ความรู้สึก” ไม่เหมือนกับราคาและปริมาณซื้อขายหรืองบการเงินที่เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม ในด้านของการเทรด “ความหวัง” เป็นเพียงแค่คำคำหนึ่งที่เอาไว้ให้ใจเราได้พักพิงยามที่พอร์ตการลงทุนของเราเสียหายเท่านั้น ถ้าคุณพบว่าทุกวันนี้คุณเทรดอยู่บน “ความหวัง” นั่นแสดงว่าคุณยังเตรียมตัวมาไม่มากพอ สิ่งที่คุณขาดคือแผนการที่ดีและวินัยที่จะทำตามในสิ่งที่คุณวางไว้ ถ้าอยากประสบความสำเร็จในด้านนี้ สิ่งที่คุณต้องทำคือ เอาคำว่า “ความหวัง” ออกจากพจนานุกรมของคุณซะ และเตรียมตัว เตรียมตัวให้พร้อมกับทุกการเคลื่อนไหวที่สามารถเกิดขึ้นในตลาด เตรียมตัวให้กับหุ้นทุกตัวที่คุณมีและตัวที่คุณพร้อมจะเข้าไปซื้อขาย เตรียมตัวให้กับผลกำไรที่งอกเงยและผลขาดทุนที่มันกำลังจะเกิด เตรียมตัวที่จะตัดสินใจบนความไม่นอนและรับผลลัพธ์ที่่จะเกิดไม่ว่าจะร้ายหรือจะดี…
-
เมื่อความพร้อมประสบกับโอกาส
– เมื่อความพร้อมประสบกับโอกาส โดย Mark Minervini – เมื่อผู้คนฟังเรื่องราวความสำเร็จของผมในตลาดหุ้น คำถามที่ผมมักเจอพวกเขาถามอยู่บ่อยๆ คือ คุณทำมันได้ยังไง? หรือ คุณมีโชคเหรอ? คนส่วนใหญ่คิดว่าผมต้องเดิมพันอะไรเสี่ยงๆ แน่ หรือไม่ก็เป็นเพียงคนที่โชคดีกว่าชาวบ้านเขาในการได้ผลตอบแทนระดับนี้ จริงๆ แล้ว ผมประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้อย่างไร? เป็นเวลาหลายปี ผมทำงานหนักเพื่อที่จะทำให้ฝีมือการเทรดของผมสมบูรณ์แบบ ผมใช้เวลากว่า 70-80 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ และบ่อยครั้งที่จมอยู่บนกองของกราฟหุ้นและงบของบริษัททั้งคืนจนถึงเช้าตรู่ของอีกวัน แม้ว่าผลลัพธ์ของมันจะยังไม่ได้สวยหรูอะไร แต่ผมก็ยังพยายามตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป ผมใช้เวลาหลายปีในการแยกว่าอะไรใช้ได้ และอะไรใช้ไม่ได้ พยายามทำให้ “กระบวนการในการเทรด” ของผมสมบูรณ์แบบ โดยการวิเคราะห์ผลการเทรดที่ผมได้กำไร และที่สำคัญเหนืออื่นใด คือ วิเคราะห์การเทรดที่ผมขาดทุน หลังจากนั้นสิ่งวิเศษก็เกิดขึ้น การเตรียมตัวของผมก็ได้พบกับโอกาสของมันซักที ในปี 1990 ผมได้รับประโยชน์จากตลาดขาขึ้นรอบใหม่ไปเต็มๆ ด้วยบทเรียนที่ผมศึกษาผ่านการลองผิด-ลองถูกในช่วงยุค 80’s เหมือนกับพิชเชอร์ที่กำลังเดินเข้าสู่สนามหญ้าพร้อมที่จะตี “โฮม-รัน” ให้เสียงมันดังกู่ก้องไปทั่วสนาม ตัวผมพร้อมอย่างที่ไม่เคยพร้อมมาก่อน เหมือนกับนักกีฬาโอลิมปิกที่ซ้อมแล้วซ้อมเล่าเพื่อพร้อมที่ลงแข่งในสนามอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โอกาสในตลาดหุ้นสามารถทำให้ชีวิตของคุณพลิกผันได้อย่างรวดเร็ว การที่จะตักตวงผลประโยชน์จากมันคือคุณต้องเตรียมพร้อมและพร้อมที่จะรับมือกับมัน ณ ตอนนี้ที่อีกซีกโลกหนึ่ง มีคนบางคนที่เตรียมตัวเพื่อความสำเร็จอย่างไม่ยอมลดละ ถ้าคุณไม่ยอมเตรียมตัว บางคนที่เขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อแลกกับความสำเร็จจะทำเงินได้อย่างมากมาย ขณะที่คุณได้แต่ฝันและคร่ำครวญกับตัวเองว่าทำไมเราไม่ได้อะไรแบบเขาบ้าง ฉะนั้นจงเตรียมพร้อม…
-
จะทำอย่างไรให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
– จะทำอย่างไรให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น โดย Bruce Bower – บทความรอบนี้มาจากการสรุปเนื้อหาที่ได้ไปเรียนมาและอ่านหนังสือของคุณ Bruce Bower เกี่ยวกับ Making better decisions for trading หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจระหว่างการเทรดครับ ช่วงนี้กำลังอินเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ จริงๆ เนื้อหามันยาวมาก ผมสรุปส่วนหนึ่งมาเอามาให้คนในเพจอ่านกัน คิดว่าเป็นประโยชน์ ลองอ่านกันดูนะครับ การพัฒนาการตัดสินใจในการเทรดเป็นหัวข้อที่น่าสนใจที่เราควรจะนำมันมาถกกัน แต่สิ่งแรกที่พวกเราจำเป็นจะต้องเข้าใจก่อนที่จะพูดถึงเรื่องการตัดสินใจ คือ มนุษย์อย่างพวกเรามันเป็นพวกบ้า ใช่เลย พวกเราทุกคน รวมถึงตัวผมและตัวคุณด้วย พวกเรามักจะแสร้งทำเป็นว่ามีเหตุผลและสามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่เป็นแบบนั้นเลย ในความเป็นมนุษย์นั้น พวกเราล้วนแต่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอารมณ์ สัญชาตญาณ นิสัยที่ไร้เหตุผล และปัจจัยภายนอกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น พวกเรามักจะเป็นกังวลอย่างมากที่จะหลีกเลี่ยงการขาดทุน ซึ่งมากกว่าการทำกำไรด้วยซ้ำไป พวกเราให้ความสำคัญกับข้อมูลที่เกิดขึ้นล่าสุด แม้ว่าบางทีมันจะไม่ได้สำคัญเท่าไหร่นักก็ตามที และพวกเราก็มักจะตัดสินใจอย่างรวดเร็วและคิดหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง แทนที่จะคิดให้ถี่ถ้วนและตัดสินใจอย่างเป็นระบบ Daniel Kahneman ผู้เขียนหนังสือชั้นยอดอย่าง Thinking, Fast and Slow ได้สรุปงานวิจัย 35 ปีที่แสนยาวนานของเขาเกี่ยวกับการตัดสินใจของมนุษย์ไว้ว่า “มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสิ่งที่เป็นอัตโนมัติซึ่งเราไม่สามารถควบคุมมันได้เลย และเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”…