Category: Risk and Money Management
-
นักเก็งกำไรที่ฉลาดทุกคนจะเตรียมพร้อมกับสัญญาณอันตรายเสมอ
– นักเก็งกำไรที่ฉลาดทุกคนจะเตรียมพร้อมกับสัญญาณอันตรายเสมอ Lessons from The Great Bear Of Wallstreet – หุ้นก็เปรียบเหมือนกับมนุษย์ที่มีทั้งนิสัยและพฤติกรรม บางตัวมีความเครียด กระสับกระส่าย และผันผวน บางตัวมั่นคง ตรงไปตรงมาและมีเหตุผล เทรดเดอร์ผู้มีความชำนาญจะเรียนรู้และพิจารณาว่าหุ้นตัวนั้นๆ เป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวของหุ้นสามารถคาดการณ์ได้ภายใต้สภาวะที่หลากหลาย ตลาดหุ้นไม่เคยอยู่นิ่ง บางครั้งพวกมันอาจซบเซาแต่ไม่ได้หยุดที่ราคาใดราคาหนึ่ง เพียงแค่เคลื่อนไหวขึ้นหรือลงเล็กน้อย เมื่อหุ้นเริ่มมีแนวโน้มที่ชัดเจน มันจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางนั้นอย่างต่อเนื่องตามเส้นแนวโน้ม ตลอดทางการเคลื่อนที่ของราคา คุณจะสังเกตเห็นปริมาณการซื้อขายจำนวนมากที่มาพร้อมกับการขึ้นของราคาอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่วันที่จุดเริ่มต้นของแนวโน้ม หลังจากนั้นสิ่งที่ผมเรียกว่า “การสะท้อนอย่างปกติ” จะเกิดขึ้น โดยปริมาณการขายของการสะท้อนนั้นจะมีปริมาณน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่หุ้นขึ้น การสะท้อนนี้คือสิ่งปกติที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นอย่าไปกลัวกับการเคลื่อนไหวเช่นนี้ แต่ควรระวังการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติมากกว่าอย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมราคา ในช่วงหนึ่งถึงสองวันต่อมา การขึ้นของราคาจะเกิดขึ้นอีกครั้ง รวมถึงปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นด้วย ถ้าการเคลื่อนไหวของราคานี้เป็นของจริง การสะท้อนอย่างปกติจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและหุ้นจะขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ครั้งนี้ การขึ้นของราคาควรจะเป็นไปอย่างแข็งแกร่งซักระยะโดยมีการสะท้อนระหว่างวันเพียงเล็กน้อย ไม่ช้าหรือเร็ว หุ้นจะเข้าสู่ช่วงการสะท้อนอย่างปกติอีกครั้ง เมื่อการตอบสนองเกิดขึ้น มันควรจะอยู่ในระนาบเดียวกับการตอบสนองครั้งแรก เพราะนี่คือพฤติกรรมปกติที่หุ้นเคลื่อนไหวในช่วงที่มีแนวโน้วอย่างชัดเจน ช่วงแรกของการขึ้นของราคา ระยะจากจุดที่อยู่เหนือจุดสูงสุดเดิม ถึงจุดสูงสุดใหม่จะยังไม่ห่างกันมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสังเกตเห็นการเคลื่อนที่ของราคาขึ้นไปได้รวดเร็วกว่าเดิมมาก ผมขออธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น เมื่อเราซื้อหุ้นที่ 50 เหรียญในระยะแรกของการเคลื่อนที่ ราคาของหุ้นขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึง 54…
-
ผมเป็นเทรดเดอร์ ไม่ได้เป็นนักวิเคราะห์
– ผมเป็นเทรดเดอร์ ไม่ได้เป็นนักวิเคราะห์ โดย Peter Brandt, Market Wizard – “A great technical analyst cannot always be a good trader. A good trader is always a good risk manager — it is what makes him/her a good trader. Trading and analysis are two different skill sets. A tiny percentage of traders possess both capabilities.” – Peter…
-
5 ขั้นตอนการเอาตัวรอดหลังจากที่คุณขาดทุนติดๆ กัน
– 5 ขั้นตอนการเอาตัวรอดหลังจากที่คุณขาดทุนติดๆ กัน โดย Galen Woods – ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงมากๆ ซึ่งอาจจะทำให้เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเจอกับการขาดทุนติดๆ กัน วันนี้ผมมีบทความที่ช่วยให้เรารับมือกับการขาดทุนต่อเนื่องติดๆ กันได้ดียิ่งขึ้นครับ บทความนี้อาจจะเหมาะกับคนที่เทรดมาได้ซักระยะหนึ่งมากกว่ามือใหม่ เดี๋ยวมาคุยเรื่องเหตุผลกันว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้นในช่วงท้ายบทความ ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะครับ มีประโยชน์แน่นอน การขาดทุน การขาดทุนติดๆ กัน และการขาดทุนหนัก การขาดทุนติดๆ กันมักจะดึงพฤติกรรมแย่ๆ ของเทรดเดอร์ออกมา หลังจากที่คุณเจอช่วงที่ขาดทุนติดๆ ความมั่นใจของคุณจะเริ่มถูกทำลาย จิตใจของคุณเริ่มไม่พร้อมที่จะเทรด คุณเริ่มวิตกกังวลว่าการขาดทุนติดๆ กันรอบนี้มันอาจจะเพราะว่าคุณไม่ดีพอหรือกลยุทธ์ของคุณเริ่มที่จะไม่มีความได้เปรียบ การขาดทุนติดๆ กันหรือการขาดทุนหนักอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความล้มเหลวในอาชีพการเทรดของคุณ เพราะเหตุผลพวกนี้ คุณจึงจะเป็นต้องรู้จักที่คาดการณ์และวางแผนรับมือกับช่วงเวลาที่คุณขาดทุนอย่างถูกวิธี สำหรับบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดและการฟื้นฟูจากช่วงเวลาที่คุณขาดทุนซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญของเทรดเดอร์ทุกคน ตัวผมพบเจอกับช่วงเวลาที่ขาดทุนอยู่บ่อยๆ มันกัดกินและสร้างบาดแผลให้กับความมั่นใจของคุณ มันทำให้คุณขาดสติอยู่เรื่อยๆ จนกว่าที่คุณจะเรียนรู้ที่จะจัดการกับพวกมัน ที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้ว่าการรับมือกับช่วงที่เราขาดทุนเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ และนี่คือ 5 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณรอดจากช่วงเวลาที่คุณขาดทุน ขั้นตอนที่ 1 ปรับความคาดหวังเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณขาดทุนติดๆ กันหรือช่วงเวลาที่คุณขาดทุนหนัก “คุณจะเจอกับช่วงเวลาที่ต้องขาดทุนแน่นอน และคุณจะพบกับมันอยู่เรื่อยๆ ถ้าคุณยังอยู่ในอาชีพนี้” นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้คุณรับรู้ไว้ คุณต้องคาดการณ์ไว้เลยว่าจะต้องเจอช่วงที่คุณขาดทุนติดๆ กัน ถึงแม้ว่าคุณจะมีกลยุทธ์ที่กำไรได้อย่างดีก็ตาม…
-
หนทางรอดในช่วงที่เราขาดทุนหนัก
ช่วงนี้แอดมินกำลังอินกับเรื่องของ การเทรดอย่างมีสติครับ (Mindful Trading) วันนี้ก็เลยสรุปสัมมนาของ Gary Dayton โค้ชจิตวิทยาการเทรดชื่อดังและผู้เขียนหนังสือ Trade Mindfully เกี่ยวกับเรื่องของการฟื้นฟูตัวเองจากการขาดทุนมาฝากครับ ซึ่งน่าจะเหมาะกับช่วงนี้ที่ตลาดค่อนข้างผันผวนและผ่านจากวิกฤตในตลาดหุ้นมาไม่นาน หวังว่าบทความนี้จะช่วยหลายๆ คนได้ ลองอ่านกันดูนะครับ การขาดทุนหนักมันทำลายเราไม่ใช่แค่เพียงเรื่องทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ทำลายสภาพจิตใจของเราด้วย วิธีการที่เราตอบสนองต่อการขาดทุนนั้นสำคัญกว่าเรื่องของการขาดทุน นักลงทุนที่ขาดประสบการณ์มักจะถูกชักนำโดยอารมณ์ของพวกเขาหลังจากที่พบกับการขาดทุนอย่างหนัก บางคนพยายามฝืนเทรดต่อไปทั้งๆ ที่เจ็บปวดซึ่งส่วนใหญ่มักจะจบด้วยความเสียหายที่มากกว่าเดิม บางคนอาจถอนตัวจากการเทรด เก็บเรื่องราวใส่ลิ้นชัก หลีกเลี่ยงที่จะคิดถึงมันและหลงลืมมันไป บางคนก้มหน้าก้มตาและพยายามที่จะเทรดให้ดีขึ้น เพื่อที่จะเอาเงินที่ขาดทุนคืน ซึ่งการตอบสนองในรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้นไม่มีแบบไหนเลยที่เป็นการตอบสนองที่ดี ชีวิตการเทรดของพวกเขาอาจจะถูกทำลายได้ หากไม่เรียนรู้เกี่ยวกับการรับมือการขาดทุน การตัดสินใจเทรดในครั้งถัดๆ ไปจะเต็มไปด้วยอารมณ์ซึ่งทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่แน่นอน เช่น พวกเขาอาจจะทำกำไรเร็วเกินไป บางคนอาจจะเทรดถี่ขึ้น บางคนอยู่กับการเทรดที่ตัวเองไม่ได้กำไรนานเกินไปเพื่อหวังให้มันกลับมาเท่าทุน ซึ่งเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมามักจะเกิดจากการกลัวความล้มเหลวหรือการขาดทุน ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จกับเทรดเดอร์ที่ล้มเหลว คือวิธีการรับมือกับการขาดทุน เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมองการขาดทุนเป็นเหมือนกับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาการเทรดของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น การกลับมาจากการขาดทุนหนักเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย แต่ความสำเร็จไม่เคยประสบผลหากเราหนี หลีกเลี่ยง และเพิกเฉยต่อการขาดทุน การขาดทุนโดยเฉพาะการขาดทุนอย่างหนักเป็นบทเรียนและโอกาสครั้งสำคัญที่ทำให้คุณกลายเป็นเทรดเดอร์ที่เก่งกว่าเดิม และนี่คือเจ็ดขั้นตอนการรับมือกับการขาดทุนของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จเพื่อทำให้พวกเขามีจิตใจและวินัยที่มากขึ้น 1. รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น คุณเป็นคนที่ทำการเทรดและทำให้ตัวเองขาดทุน ฉะนั้นอย่าพยายามปัดความรับผิดชอบ หรือไปกล่าวโทษคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุทำให้เราขาดทุน 2. หยุดการเทรด คุณต้องหยุดพักเพื่อมาดูว่าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นกับการเทรดของคุณ จากนั้นให้ทำการประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการทบทวนแต่ละเหตุการณ์อย่างละเอียดว่าส่วนไหนที่คุณทำผิดพลาด…
-
เมื่อทุกอย่างผิดพลาดไปหมด บทเรียนจาก Jack Schwager
– เมื่อทุกอย่างผิดพลาดไปหมด Lessons from Jack Schwager – บทความนี้เขียนมาจากการอ่านบทความของคุณ Jack Schwager ผู้เขียนหนังสือที่โด่งดังอย่าง Market Wizards คิดว่าน่าจะเหมาะกับช่วงนี้ที่หลายคนหัวเสียกับตลาดหุ้นเลยนำมาลองแปลให้อ่านกันครับ ในช่วงที่เราเทรดได้ดีทุกอย่างมันง่ายดายไปหมด แต่เมื่อถึงช่วงที่คุณมีผลการเทรดที่ย่ำแย่… คุณจะทำอย่างไร? คุณจะรับมือกับสถานการณ์ในช่วงนั้นอย่างไรถ้ามันเกิดติดๆกันเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน จากการสัมภาษณ์เหล่าตำนานเทรดเดอร์หรือผู้จัดการกองทุนระดับโลกเป็นจำนวนมาก พวกเขาเหล่านั้นก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วไปที่จะมีช่วงที่เทรดไม่ได้ตามผลลัพธ์ที่หวัง ซึ่งแต่ละคนมักจะให้คำแนะนำในการจัดการกับช่วงเวลาที่ยากลำบากคล้ายๆกัน คือ 1. เทรดให้น้อยลง (Reduce your trading side) Paul Tudor Jones หนึ่งในเทรดเดอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของพวกเรา ก็เคยประสบปัญหาพบช่วงเวลาการเทรดแย่เช่นเดียวกัน ซึ่งเขาเคยได้ให้สัมภาษณ์กับผมไว้ว่า “เมื่อผมเทรดได้แย่ ผมจะลด Position size ลง ซึ่งการที่ผมทำแบบนี้ผมเทรดจำนวนน้อยที่สุดในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ และเทรดจำนวนมากเมื่อผมเทรดได้กำไร” Ed Seykota สุดยอดเทรดเดอร์และหนึ่งในผู้บุกเบิก Systematic Futures Trading ให้คำแนะนำไว้คล้ายๆกันคือ “เมื่ออยู่ในช่วงที่พอร์ตของผมเกิด Drawdown ผมจะลดขนาดการเทรดของผมทันที เพื่อไม่ให้ผมพบประสบการณ์เดียวกับที่คุณ Livermore ได้พบ” Marty…
-
การดูสภาวะตลาดโดยรวมในตลาดหุ้น
– การดูสภาวะตลาดโดยรวมในตลาดหุ้น by Humble Trader Diary – บทความนี้จะมาแชร์เกี่ยวกับการดูสภาวะตลาดเบื้องต้นของตลาดหุ้นในแบบของผมนะครับ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นวิธีที่คิดเอง ก็ศึกษาชาวบ้านเขามาแล้วก็เอามาทำให้มันเหมาะกับตัวเอง คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่าน โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มเล่นหุ้นเพราะมันค่อนข้างเบสิคมาก ลองอ่านดูนะครับ จริงๆแล้วการดูสภาวะตลาดมันมีมากมายร้อยแปด แต่ผมจะยกหลักในการดูสภาวะตลาดเบื้องต้นมาแชร์เป็นหลักการง่ายๆ 2 วิธีคือ วิธีแรก การดูสภาวะตลาดโดยใช้เส้น Moving Average โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยง่ายๆ 2-3 เส้น เนื่องจากฟังจาก Fahmy และ Minervini ทั้ง 2 คน live แล้วพูดวิธีนี้บ่อยๆ ลองเอามา adapt แล้วเอามาแชร์ครับ วิธีที่สอง The CANSLIM market stage การกำหนดสภาวะแบบ CANSLIM วิธีนี้หลายคนน่าจะเคยอ่าน วิธีนี้พัฒนาโดย Bill O’Neil มาเริ่มวิธีแรกก่อนก็คือ การดูสภาวะตลาดจากเส้นค่าเฉลี่ยหรือ Moving Average ฝรั่งที่ผมศึกษามาจะใช้ SMA หรือไม่ก็ WMA…
-
บทเรียนจาก Joe Fahmy ได้เวลาถือเงินสด?
บทความนี้ผมขอแปลหนึ่งในบทความที่ผมชอบมากๆ ของเทรดเดอร์ต้นแบบอย่างคุณ Joe Fahmy โดยต้นฉบับถูกเขียนขึ้นในช่วงปี 2016 ที่ตลาดอเมริกาเกิดการปรับฐานซึ่งน่าจะเหมาะกับสถานการณ์ของตลาดบ้านเราในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้เวลาถือเงินสด? ผมได้รับอีเมล์มากมายตลอดช่วงสุดสัปดาห์จากคนที่ดิ้นรนและตื่นตระหนกกับตลาดหุ้น นี่ไม่ใช่เหตุการณ์วันสิ้นโลก นี่เป็นเพียงแค่ตลาดปรับฐานเท่านั้นเอง ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับการลงทุนของพวกเขาคือ เราควรทิ้งมันไว้ไม่ต้องทำอะไร หรือว่าเราควรขายออกมาบ้างแล้วถือเงินสด ความเป็นจริงคนเราก็อยากจะได้ประโยชน์จากทั้งสองทางนั่นแหละและมันไม่อยู่บนพื้นฐานความจริงเลย อีกนัยหนึ่งคือเมื่อตลาดส่วนใหญ่เป็นขาขึ้น (อย่างในช่วงปี 2013-2015) ทุกคนหวังว่าเราจะลงทุนอย่างเต็มที่และปล่อยให้หุ้นมันวิ่งขึ้นไป และเมื่อตลาดเกิดการปรับฐาน (อย่างเช่นที่เกิดอยู่ในตอนนี้) ทุกคนก็หวังว่าพวกเขาจะโปรแอคทีฟมากขึ้นและลดจำนวนการถือหุ้นก่อนที่หุ้นจะลง คำตอบของผมคือ ตลาดหุ้นจะแข็งแรงสองถึงสามครั้งต่อปี เมื่อตลาดแข็งแรงผมจะซื้อหุ้นเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งมีศักยภาพจะทำให้ราคาไปได้ไกล เมื่อตลาดอ่อนแอ ผมจะลดจำนวนการถือหุ้นแล้วตั้งรับ นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดของปรัชญานี้ ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามันไม่สามารถทำได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขาไม่อยากทุ่มเทเวลาและความพยายาม ยิ่งกว่านั้นผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีความมั่นใจมากพอในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่และไม่อยากตัดสินใจอะไรด้วยความกลัว ในตอนนี้ลูกค้าของผมถือเงินสด 100% พวกเราถือเงินสดมากกว่า 90% ตั้งแต่ต้นปี โดยปกติแล้วผมไม่ชอบแชร์ระดับการลุงทุนของผมต่อสาธารณะเนื่องจาก 1. ผมไม่ต้องการให้ใครทำตามอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า 2. ผมสนับสนุนให้คนคิดด้วยตัวของพวกเขาเอง และ 3. ผมสามารถปรับระดับการลงทุนได้เร็วมากๆ อย่างที่คุณ Stanley Druckenmiller ได้กล่าวไว้ “หนึ่งในทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมคือผมสามารถเปลี่ยนความคิดของผมได้อย่างรวดเร็ว” กล่าวคือ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ผมไม่มีปัญหาเลยที่จะตัดสินใจและกลับไปซื้อหุ้น ความลังเลและการนั่งอยู่ข้างสนามเป็นปีๆ ไม่เคยอยู่ในความคิดของผม กลยุทธ์นี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน…
-
สิ่งที่เราควรทำในช่วงตลาดขาลง
ไม่รู้เขียนช้าไปมั้ยแต่คิดว่ามีประโยชน์ครับ ในช่วงปีที่ผ่านมาเทรดเดอร์และนักลงทุนคงได้เจอกับภาวะตลาดขาลงของหุ้นไทย หลายๆท่านจะพบว่าตลาดยากขึ้นจากปีก่อนๆ โดยเฉพาะคนที่เทรดแต่หน้าซื้อเป็นหลัก(อย่างผม) ทำให้หลายๆคนขาดทุนหนักหรือไม่สามารถทำผลตอบแทนได้ดังที่ตั้งใจ วันนี้ผมจึงเขียนแชร์บทความเกี่ยวกับสิ่งที่เราควรทำในช่วงตลาดขาลง เพื่อที่จะทำให้เราสามารถอยู่รอดในตลาดระยะยาวและเตรียมพร้อมสำหรับตลาดขาขึ้นรอบต่อไปครับ 1.ปกป้องเงินต้นโดยการถือเงินสดให้มากขึ้น หุ้นโดยส่วนใหญ่ของตลาดมักจะมีแนวโน้มและพฤติกรรมราคาคล้ายคลึงกับตลาดหลัก ฉะนั้นเมื่อตลาดหลักตกหนักและเป็นขาลง หุ้นโดนส่วนใหญ่ก็จะตกหนักเช่นกัน หน้าที่แรกของเราเมื่อตลาดเป็นแบบนี้ไม่ใช่การหากำไรจากตลาด แต่เป็นการบริหารความเสี่ยงและปกป้องเงินทุนที่เรามีหรือเล่นเกมป้องกันครับ อย่างที่เหล่านักเก็งกำไรที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์หลายๆท่าน เช่น Bernard Baruch, Gerald Loeb, Bill O’Neil และอีกหลายๆคน มักจะเลือกการปกป้องเงินทุนมากกว่าการหากำไรจากตลาดเมื่อตลาดไม่อำนวยต่อกลยุทธ์หลักของตัวเอง วิธีที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพมากๆที่จะปกป้องเงินทุนของเราไม่ให้ขาดทุนหนัก คือการเพิ่มการถือเงินสดครับ หลายท่านๆอาจจะทำการล็อคกำไร/ เลื่อนจุดขาดทุนให้กระชับกว่าเดิมจากหุ้นที่ตัวเองถือออกมาบ้าง หรือขายหุ้นที่เราขาดทุนออกมาเพราะเมื่อตลาดเป็นขาลง มันมักจะความน่าจะเป็นที่หุ้นที่เราถือจะลงมากกว่าขึ้น สำหรับใครที่มองว่าการถือเงินสดเป็นการเสียโอกาส ให้เราลองปรับแนวคิดว่า เงินสด เป็นเหมือนกับหุ้นตัวหนึ่งครับ เมื่อตลาดเป็นขาลงหรือมีความผันผวน เงินสดจะมีค่ามากขึ้นตามตลาดที่ลงไปหรือทำให้เราซื้อหุ้นได้มากขึ้นนั่นเองครับ แล้วพอตลาดเริ่มกลับสู่สภาวะปกติเราจึงค่อยลงเงินกลับเข้าหุ้นใหม่ก็ยังไม่สาย การบริหารความเสี่ยงไม่ได้การันตีว่าคุณจะมั่งคั่งได้ แต่มันการันตีว่าคุณจะอยู่รอดครับ 2.รักษาความมั่นใจของเรา สิ่งที่เราควรปกป้องอีกสิ่งหนึ่งนอกจากตัวเงินแล้วคือความมั่นใจของตัวเราครับ โดยส่วนใหญ่แล้วตลาดขาลงมันมักจะไม่ได้นำพาไปแค่เงินของเราแต่มันมักจะนำพาความมั่นใจของเราไปด้วย และเมื่อเกิดโอกาสใหม่ๆขึ้นมาหรือตลาดขึ้นรอบใหม่ คนที่สูญเสียความมั่นใจมักจะลังเลและตัดสินใจอย่างไม่มีประสิทธิภาพทำให้พลาดโอกาสดีดีในการสร้างผลตอบแทนไป สิ่งที่ผมอยากแนะนำเพื่อรักษาความมั่นใจของเราไว้ คือการหยุดพักหรือปรับจังหวะของตัวเองให้ช้าลง เหมือนกับนักกีฬาที่ฟอร์มดรอป ไม่สามารถทำคะแนนหรือยิงประตูได้อย่างเคย ลองออกมานั่งพักข้างสนามบ้างหรือมองเกมในอีกมุมหนึ่งที่เราไม่เคยมอง แล้วพอเราผ่อนคลายหรือดีขึ้นแล้วก็ค่อยเข้าสนามและสะสมความมั่นใจใหม่อย่างช้าๆครับ หรือการอ่านหนังสือพวกที่สร้างความมั่นใจหรือทำให้เราอยู่กับปัจจุบันก็สามารถช่วยฟื้นฟูความมั่นใจของเราได้ เช่นหนังสือ Trading in the zone…