A Guide to Super Performance บทสัมภาษณ์ของสุดยอดนักลงทุน ตอนที่ 2

by

in

ตอนที่ 2 DR. VAN K. THARP

Interview by Adrian Reid

มาต่อกันเรื่องบทสัมภาษณ์ของสุดยอดตำนานในอุตสาหกรรมการเทรดและการลงทุนนะครับ ในตอนที่ 2 ผมนำบทสัมภาษณ์ของสุดยอดโค้ชเทรดเดอร์อย่าง Dr. Van K. Tharp มาให้ทุกท่านอ่านกันนะครับ

ดอกเตอร์ Van K Tharp ถือเป็นบุคคลระดับตำนานที่สร้างผลงานไว้กับวงการตลาดทุนอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการโค้ชเทรดเดอร์ คอร์สสัมมนา หรือหนังสือเกี่ยวกับการเทรดระดับตำนานอย่าง “Trade Your Way To Financial Freedom” และ “Super Trader” อีกทั้งท่านยังเป็นคนที่ถูกสัมภาษณ์และบรรจุลงในหนังสือ Market Wizards เล่มแรกของคุณ Jack D. Schwager อีกด้วย

ช่วงหลายปีหลังผมตามผลงานเก่าๆ ของดอกเตอร์ค่อนข้างเยอะครับ โดยเฉพาะปีนี้ที่เป็นอ่านเป็นหลัก เพราะสนใจในเรื่องของการวางระบบ การกำหนด position sizing และจิตวิทยาการเทรด ซึ่งคิดว่าเป็นที่เริ่มศึกษาได้ดีเลย

วันนี้ก็เลยเอาบทสัมภาษณ์สั้นๆ ของดอกเตอร์มาให้อ่านกันครับ ผู้ที่สัมภาษณ์ดอกเตอร์ คือ คุณ Adrian Reid ที่มีประสบการณ์การเทรดมามากกว่า 15 ครับ

คิดว่ามีประโยชน์ ยังไงก็ลองอ่านกันนะครับ

คุณเริ่มต้นการเทรดได้อย่างไร รวมถึงคุณเริ่มต้นที่จะเป็นโค้ชของเทรดเดอร์ได้อย่างไรครับ

ผมเริ่มต้นการเทรดในช่วงต้นของยุค 70 ในตอนนั้นผมมีเงินอยู่ $20000 ขณะที่ผมเรียนอยู่ในบัณฑิตวิทยาลัย และผมมองเงินพวกนั้นสลายกลายเป็นศูนย์ในเวลาเพียง 6-9 เดือน ในสมัยนั้นโบรกเกอร์เก็บค่าคอมมิชชั่น 2% ต่อการเข้าซื้อ และอีก 2% ต่อการขาย ดังนั้นคุณต้องทำกำไรมากกว่า 5% คุณถึงจะได้เงิน

ผมกลับมาเทรดอีกครั้งในปี 1982 ในเวลานั้นผมได้รับปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาเรียบร้อยแล้ว เมื่อผมมองสถานการณ์ผ่านมุมมองของนักจิตวิทยาแล้ว มันเป็นที่ตัวผมเอง บางสิ่งที่อยู่ภายใน ไม่ใช่ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการเทรดของผม การตระหนักรู้นี้เริ่มทำให้ผมค้นหาว่าอะไรที่ผมได้ทำผิดไป ผมเข้าไปมีส่วนร่วมกับ science of modelling, Neuro-linguistic programming (NLP)(เทคนิคการจัดพฤติกรรมของสมองและจิตใต้สำนึก) เพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่นและตัวของผมเอง

ผมต้องยอมรับว่าผมไม่ได้ทำการเทรดมาซักระยะแล้ว เพราะแพสชั่นของผมเริ่มเปลี่ยนไปโดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยเหลือเทรดเดอร์คนอื่นๆ

ในปัจจุบันผมเทรดในบัญชีเพื่อการเกษียนขนาดค่อนข้างใหญ่สำหรับตัวผมเองและพนักงานของผม

อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรด ? และอะไรคือจุดเปลี่ยนสำหรับคนส่วนใหญ่ ?

กุญแจแห่งความสำเร็จในการเทรดของผมคือการตัดสินใจว่าผลลัพธ์ในการเทรดที่เกิดขึ้นมันเกิดมาจากตัวผมเองไม่ใช่อย่างอื่น และมันเป็นกุญแจสำคัญสำหรับทุกคน

อีกทั้งคุณยังต้องเข้าใจด้วยว่า การที่จะประสบความสำเร็จในการเทรด คุณต้องมีการศึกษาที่มากพอเหมือนกับอาชีพอื่นๆ และ การเทรดนั้นมันเป็นการทำธุรกิจ จากนั้นคุณต้องเชี่ยวชาญหลักการสำคัญบางประการ ซึ่งผมเรียกมันว่า “Tharp Think” สิ่งเหล่านี้ประกอบไปด้วยเรื่องของ risk/reward, การเข้าใจเรื่องของ position sizing เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักตนเอง

แนวคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่ถูกเขียนอยู่ในหนังสือของผมทั้งหมด (tie-in ซะหน่อย)

คุณช่วยพูดเกี่ยวกับเรื่องของเป้าหมายได้มั้ยครับ?

เป้าหมายมันมีมากพอๆ กับจำนวนของเทรดเดอร์นั่นแหละ ยกตัวอย่างเช่น

ในช่วงระยะเวลาหนึ่งปี ผมไม่อยากจะมี drawdown ของระบบเกิน 20%

ผมต้องการที่จะมีผลตอบแทนเป็นบวกทุกปีdecide

ผมอยากที่จะมีกำไรเฉลี่ย 2% 9ต่อเดือน

หากว่าผมยอมรับ drawdown ที่ 20% ผมก็ไม่อยากเสียเงินเริ่มต้นของผมไป

เมื่อคุณคิดถึงจำนวนตัวแปรที่หลากหลายและจำนวนชุดของตัวแปรที่ผสมกัน คุณจะเห็นเลยว่าเทรดเดอร์แต่ละคนมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน หลังจากที่เทรดเดอร์ได้ตั้งเป้าหมายของเขาเรียบร้อยแล้ว กุญแจสำคัญคือการเข้าใจว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายของคุณได้อย่างไรผ่านกลยุทธ์ของการกำหนด position sizing

ระบบทั้งหมดที่คุณเลือกนั้นช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายของคุณได้ง่ายขึ้นเท่านั้น มันไม่ใช่กุญแจในการทำให้คุณบรรลุเป้าหมาย สิ่งที่ทำให้บรรลุเป้าหมายจริงๆ คือกลยุทธ์ position sizing ซึ่งเทรดเดอร์ทุกคนจะต้องเชี่ยวชาญหลักการนี้

คุณจำกัดความคำว่า “การเทรดที่ผิดพลาด” อย่างไรครับ ? และคุณสังเกตุการณ์ความผิดพลาดอย่างไร ?

ความผิดพลาดในการเทรดเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ และถ้าหากคุณไม่มีแผนตั้งแต่แรก ฉะนั้นทุกสิ่งที่คุณทำคือความผิดพลาด

หนึ่งในภารกิจการเทรดของผมเรียกว่า “การสอบถามอย่างละเอียดรายวัน” ในแง่มุมหนึ่งของการทำแบบนี้คือการให้เทรดเดอร์ตัดสินว่าพวกเขาทำข้อผิดพลาดอะไรในวันนั้นบ้าง และมันสร้างความเสียหายอย่างไรต่อพวกเขา ในรูปของความเสี่ยงหรือ R

ผมต้องการให้ Super traders ของผม (ชื่อเรียกที่ Dr. Tharp ได้ทำการฝึกฝน) เก็บบันทึกข้อผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมการฝึกของพวกเขา และเป็นส่วนสำคัญในโปรแกรมการฝึก ในช่วงที่นักเรียนเริ่มต้นฝึก พวกเขามีประสิทธิภาพประมาณ 70-80% นั่นหมายถึงเขามีข้อผิดพลาดสองถึงสามครั้งต่อการเทรดสิบครั้ง

สมมุติว่าระบบของคุณสร้าง 0.8R ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง นั้นหมายความว่าหลังจากเทรด 10 ครั้ง คุณควรจะได้รับ 8R ถ้าหากคุณทำผิดพลาด 2 ครั้ง และแต่ละครั้งเกิดความเสียหาย 3R แสดงว่าผมรวมการเทรดของคุณจะเพิ่มขึ้นเพียง 2R และถ้าหากมีความผิดพลาดเพิ่มเป็นสามครั้ง มันจะทำให้ผลงานการเทรดของคุณติดลบ

การทำผิดพลาดทำให้คุณเปลี่ยนระบบที่ดีกลายเป็นระบบที่ขาดทุน และคนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้เลยว่าเขากำลังทำผิดพลาดอยู่

เพื่อที่สำเร็จการศึกษาจากโปรแกรม Super Trader นักเรียนของผมจะต้องมีประสิทธิภาพอย่างน้อย 95% จากการเทรด 100 ครั้ง และมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย

ต้องใช้อะไรบ้างในการค้นหาระบบการเทรดที่ใช้งานได้และเหมาะสมกับตัวคุณ?

ระบบการเทรดที่เหมาะสมกับคุณต้องใช้งานได้ในลักษณะของตลาดที่คุณเทรดอยู่

มันค่อนข้างจะง่ายที่จะออกแบบระบบการเทรดที่ดีในตลาดแบบใดแบบหนึ่ง แต่มันยากมากที่จะหวังว่ามันจะทำงานได้ดีในทุกสภาพตลาด ยกตัวอย่างเช่น ระบบการเทรดที่ใช้งานได้ดีในตลาดหมี อาจจะทำงานได้ไม่เดิมถ้าใช้ในตลาดที่เป็น sideway ขาขึ้น

จะเป็นการดีที่คุณสามารถเทรดในระบบที่ให้ค่า SQN (ค่าที่ใช้ในการประเมินระบบ)ในระดับ 2.5 หรือดีกว่านั้นหลังจากที่เทรดไป 100 เทรด

ต่อจากนั้นระบบการเทรดจะต้องสอดคล้องกับความเชื่อและเกณฑ์การเทรดของคุณ จริงๆ แล้วคุณไม่ได้เทรดในตลาด คุณเทรดความเชื่อของคุณเกี่ยวกับตลาดต่างหาก ดังนั้นระบบที่คุณเลือกใช้ควรที่จะเป็นระบบที่สอดคล้องไปกับความเชื่อของคุณ

ช่วยแนะนำหนังสือสามเล่มที่เทรดเดอร์ทุกคนควรอ่านได้มั้ยครับ?

สองเล่มที่คุณต้องอ่านเลย Definitive Guide to Position Sizing Strategies (2nd Ed.) และ Trading Beyond the Matrix ซึ่งเป็นเหมือนกับยาของเทรดเดอร์และนักลงทุนเลย ในความคิดเห็นของผม นั่นเป็นหนังสือสองเล่มที่สำคัญที่สุด (แหม่…ดร. Tie in หนังสือตัวเอง ถถถ+)

และอีกเล่มผมเลือกหนังสือที่ผมไม่ได้เขียน ซึ่งมันน่าจะเป็นหนังสือ Market Wizards เล่มแรก

ถ้าคุณมีเวลาหนึ่งนาทีกับคุณที่ต้องการเรียนการเทรด คุณจะบอกอะไรกับพวกเขา

จงเข้าใจว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นผลมาจากตัวของคุณทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องรู้จักตัวของคุณให้มากขึ้น และนี่เป็นภารกิจที่ใหญ่มาก แต่มันเป็นภารกิจที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปตลอดกาล

อีกอย่างนึงคือคุณต้องตระหนักว่าการเทรดนั้นเป็นอาชีพเหมือนกับอาชีพอื่นๆ คุณต้องมีการศึกษที่ถูกต้องเพื่อที่จะทำมันอย่างถูกต้อง คนส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขาแค่เปิดบัญชีซื้อขายและทำเงินได้เลยจากการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย

อะไรที่แยกระหว่างเทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดกับนักลงทุนคนอื่นๆ

ในการคัดกรองโปรแกรม Super Trader ของผม ผมมักมองหาเทรดเดอร์ที่ยินดีจะมองและสำรวจตัวของพวกเขาเอง ผมมองหาความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประสบความสำเร็จ ผมมองหาสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่นคนที่เก่งในคณิตศาสตร์ หรือเก่งเกมหรือกลยุทธ์ หรือคนที่มีบุคลิคภาพแบบ NTJ ในการวัดนิสัยในระบบของ Myers Briggs หากเป็นไปได้ นั้นคือเบื้องต้น และคนจำพวกที่ตอบของคำถามข้อที่ 7 ด้านบนได้อย่างละเอียด คนเหล่านี้มีโอกาสที่จะเป็นเทรดเดอร์ที่ยอดเยี่ยม ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากคุณคิดว่าการเข้าใจในตลาดเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ และไม่ได้สนใจในการค้นหาตัวตนของคุณที่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์การเทรดของคุณ หรือการใช้เวลาทั้งหมดของคุณในการค้นหาระบบการซื้อขายระดับสุดยอด ถ้าเป็นแบบนั้น อย่างดีที่สุดคุณก็คงเป็นได้แค่เทรดเดอร์ระดับทั่วๆไป และน่าจะเสียเงินอย่างมากในตลาด

เทรดเดอร์คนหนึ่งจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการเทรดของพวกเขานั้นจะประสบความสำเร็จได้ในอนาคต?

สิ่งแรกที่ผมแนะนำคือการมีแผนที่ดีที่ใช้รับมือกับเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะใช้เวลากว่า 40 ชั่วโมงในการสำรวจสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นมั้งหมด ในระหว่างกระบวนการนี้ คุณควรจะมีการซ้อมแนวทางการแก้ไขปัญหากับสิ่งที่ไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น

เพราะว่าตลาดมีความสร้างสรรค์กว่าที่คนส่วนใหญ่จะจินตนาการถึง เมื่อพวกเขาพิจารณาว่าบางสิ่งสามารถผิดพลาดได้ ผมแนะนำให้คุณฝึกซ้อมสภาพจิตใจทุกวันเพื่อที่คุณคิดว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นมาทำให้คุณสร้างความผิดพลาดได้ในระหว่างวันที่คุณเทรด ด้วยความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้น มันทำให้คุณคิดถึงแนวทางการแก้ปัญหาและซักซ้อมมันเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

และสิ่งสุดท้ายคือ ตลาดนั้นมีอย่างน้อยหกประเภทด้วยกัน ตลาดกระทิง ตลาดsideways และตลาดหมี และแต่ละชนิดของตลาดจะมีทั้งแบบที่เป็นตลาดที่ความผันผวนต่ำ และตลาดที่มีสภาวะความผันผวนที่สูง

อย่างที่ผมได้กล่าวมาในตอนแรก มันเป็นเรื่องที่บ้าที่จะหวังให้ระบบใดระบบหนึ่งสามารถประสบความสำเร็จในทุกสภาวะตลาด ดังนั้นคุณควรที่จะเตรียมพร้อมที่จะถือเงินสดเมื่อมีบางสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้เกิดขึ้น หรือคุณอาจจะมีระบบที่แตกต่างออกไปสำหรับแต่ละสภาวะของตลาด

คุณช่วยเหลือเหล่าเทรดเดอร์ที่อยู่ในโปรแกรม Super Trader ของคุณได้อย่างไร?

จริงๆแล้วผมเขียนหนังสือ Trading Beyond the Matrix ซึ่งมันถูกออกแบบมาให้เหมือนกับเป็น Super Trader Program ฉบับย่อที่เอาไว้ใช้ศึกษาเองที่บ้าน อย่างไรก็ตาม Super Trader Program นั้นเป็นโปรแกรมที่กินเวลาสี่ถึงหกปี และใช้เวลาในการเข้าร่วมกว่าสามพันชั่วโมง

หลังจากที่สำเร็จหลักสูตรแล้ว เทรดเดอร์จะเข้าใจถึงหลักการสำคัญในการเทรด พวกเขาจะสามารถทำลายสิ่งที่กีดขวางระหว่างเขากับความสำเร็จได้ และเขาจะรู้จักตัวของพวกเขาเองจริงๆ

อีกทั้งพวกเขายังต้องพัฒนาแผนธุรกิจสำหรับธุรกิจการเทรดของพวกเขา (ซึ่งความหนาของมันมีมากกว่า 150 หน้า) และมีอย่างน้อยสามระบบที่เหมาะกับพวกเขา โดยที่จะคลอบคลุมในทุกสภาวะของตลาดและพวกเขาสามารถเทรดระบบนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างน้อย 95% (แหม่ Tie in คอร์สตัวเองเต็มที่เลย ถถถ+)

บทสัมภาษณ์นี้ก็จบลงไปนะครับ คิดว่าไม่ยาวมากแต่ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆ คนนะครับ บทสัมภาษณ์ตอนที่ 3 น่าจะมาในช่วงต้นเดือนหน้า รอติดตามกันด้วยนะครับ ชอบไม่ชอบอย่างไร ฝาก comment ไว้ได้นะครับ รวมถึงถ้าใครอยากอ่านบทสัมภาษณ์ของนักลงทุนคนไหนเป็นพิเศษก็บอกมาได้นะครับ สุดท้ายนี้ฝากสนับสนุนเพจด้วยการกด Like + Share จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ

โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ

บทสัมภาษณ์ของ Dr. Van K. Tharp โดย Adrian Reid แปลและเรียบเรียงโดย Humble Trader Diary