– การซื้อหุ้นแบบพีระมิด (PYRAMID YOUR WAY TO PROFITS) โดย Humble Trader Diary –

กลับมาเขียนอะไรที่เป็น Method บ้างครับ จะเขียนสลับๆไปมาระหว่างบทความแปลกับพวก Mindset จะได้หลากหลายครับ ฝากกด Like กด Share ด้วยนะครับ
ปล เนื้อหาอาจจะเป็นกราฟ Bar Chart ที่แอดมินถนัดนะครับ ใครใช้แท่งเทียนต้องขอโทษด้วยนะครับ
การซื้อหุ้นแบบพีระมิดหรือการซื้อเฉลี่ยขาขึ้น จากการที่เราซื้อหุ้นไม้เดียวจะเปลี่ยนมาเป็นการทยอยซื้อแบ่งเป็นขั้นๆ โดยที่การซื้อขั้นแรกจะซื้อเป็นสัดส่วนเยอะที่สุด เมื่อหุ้นยิ่งขึ้นเราจะยิ่งทยอยซื้อเป็นขั้นขึ้นไปจนเต็ม Position คล้ายๆกับการสร้างพีระมิดในอียิปต์ เราจะแบ่งการซื้อเป็นกี่ไม้แล้วแต่เราถนัดนะครับ แต่ตามที่แอดมินถนัดก็จะเป็นสัดส่วน 50%-30%-20% โดยที่หน้าต่อไปเราจะมาพูดถึงข้อดี-ข้อเสียของมันกันครับ

มาถึงเรื่องของข้อดี-ข้อเสียในการซื้อหุ้นแบบพีระมิดนะครับ อย่างที่เคยบอกในหลายๆครั้งว่าการเล่นทุกรูปแบบมันก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย จุดสำคัญคือต้องเข้าใจและเลือกที่เหมาะกับเราผ่านการทดลองใช้งาน เรามาพูดถึงข้อดีของมันก่อน

ข้อดีของการซื้อแบบพีระมิด
1. การซื้อแบบพีระมิดเหมือนเป็นการลองแหย่เท้าข้างนึงลงไปในน้ำก่อนที่เราจะลงน้ำไปทั้งตัวครับ มันคือการลดความเสี่ยงจากการที่เราซื้อหุ้นเต็มจำนวน เปลี่ยนเป็นการซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งก่อน รอให้มันพิสูจน์ตัวเองว่ามันขึ้นแล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักของการถือขึ้นไป ถ้าเราขาดทุนแต่แรกเราจะขาดทุนน้อยกว่าที่เราซื้อเต็มจำนวน (ถ้าเราวางStop loss เท่ากัน) ยิ่งในตลาดที่ไม่อำนวยต่อการซื้อ เกิดการ Stop loss บ่อยๆ เราจะเจ็บตัวไม่มาก
2. การซื้อแบบพีระมิดเป็นการซื้อที่ทำให้เกิด Win/Win Solution รูปแบบหนึ่ง คือถ้าเราซื้อหุ้นขึ้นเราสามารถพีระมิดให้เกิดกำไรก้อนใหญ่ได้ แต่ถ้าหุ้นลงเราจะเสียเพียงแค่ส่วนเดียว ทำให้พอร์ตของเราไม่ผันผวนเท่ากับที่ซื้อเพียงไม้เดียว
3. การซื้อแบบพีระมิดจะเป็นการซื้อเพิ่มเมื่อหุ้นมันขึ้นแล้วเท่านั้น ทำให้เราไม่ต้องนำเงินจำนวนมากไปใส่ในหุ้นที่มันไม่ไปไหน ทำให้ภาพรวมของพอร์ตเราจะมีสัดส่วนที่เยอะเฉพาะในหุ้นที่เรากำไร
ข้อเสียของการซื้อแบบพีระมิด
1. เนื่องจากเราซื้อหุ้นหลายครั้งมันทำให้ขั้นตอนการซื้อหุ้นของเรามันเยอะขึ้น พูดง่ายๆคือมันยากขึ้นเพราะเราต้องตัดสินใจบ่อยขึ้น โดยที่การวางการซื้อที่เหมาะสมอาจจะต้องใช้ประสบการณ์และแผนที่ดีพอไม่ให้การซื้อเฉลี่ยนั้นทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมากเกินไป
2. การซื้อเฉลี่ยขาขึ้นทำให้ต้นทุนเราสูงขึ้น เมื่อเราซื้อครบแล้วเกิดการพลิกกลับของราคาจะทำให้เกิดการ Manage position ยากขึ้น ต้องวางแผนเพิ่มว่าถ้าลงมาเยอะจะบริหารความเสี่ยงยังไง
ต่อไปจะเป็นตัวอย่างการใช้กันบ้าง จริงๆมันประยุกต์ใช้ได้หลายแบบแต่ผลจะยกมา 3-4 แบบที่ผมใช้บ่อยละกันนะครับ

ตัวอย่างแบบแรก คือการซื้อจากจุดเข้าซื้อหลัก อันนี้ถ้าในแบบ Investor Business Daily เขาก็จะให้เรา Identify ฐานราคาให้ได้ก่อนแล้วก็หาจุดเข้าซื้อ พอมันเบรคจุดซื้อเราก็ยิงไปไม้แรก พอขึ้นมา1-2% ก็ยิงไม้ 2 พอขึ้นไปอีก 1-2% ก็ยิงไม้ถัดไป ข้อควรระวังของการเล่นแบบนี้คือไม้แรกคุณต้องทุนดี เพราะถ้าคุณเข้าสูงเกินไป มันทำให้เวลาพีระมิดขึ้นไปทุนเราจะสูงมาก ถ้าหุ้นมันเกิดการ Shake แล้วเราพีระมิดไม่ดีก็จะโดนกิน Stop ได้ง่ายมาก ถ้าไม่ทันแล้วหวดสูงก็เลือกเอาว่าจะรอ หรือจะลดขนาด Position แล้วรอดูเกมต่อว่าจะเอายังไง ฉะนั้นถ้าเอาให้ดีก็ยิงจาก Pivot point ไม้แรกไม่เกิน 2-3% จะดีที่สุดครับ กำหนด Scenario ไว้ก็ได้ถ้าเราได้ไม้แรกดีจะกำหนดสัดส่วนแบบนึง ถ้าได้ไม้แรกสูงขึ้นก็กำหนดอีกแบบ

ตัวอย่างแบบที่ 2
ยิงจากจุดเข้าซื้อรอง (Alternative buy points) อย่างในแบบนี้คือยิงจากฐานร่าง เบรคกรอบล่างมา หรือถ้าใครเคยอ่าน Pocket Pivot Buy Point หรือ 3C (cup completion cheat) pattern ในรูปนี้ก็จะเป็นแบบนั้นครับ ยิงไม้แรกที่จุดล่างก่อน แล้วพอเข้าจุดซื้อหลักที่เรากำหนดได้ก็ยิงต่อ
การยิงแบบนี้ดียังไง?
การยิงแบบนี้จะดีตรงที่ถ้าจุดแรกเราผ่านสำเร็จ พอเบรคจุดหลักแล้วเราซื้อ เราจะทุนเฉลี่ยต่ำครับ พอเกิดความผันผวนหรือเกิดการ Shake เราจะทนได้มากกว่าที่เราจะไปหวดที่จุดซื้อหลักอย่างเดียว จริงๆการเล่นจากฐานล่างผมแนะนำว่าเราต้องเล่นตัวที่เราระบุได้ว่ามันเป็น Leading stock แล้วมันจะเล่นง่ายกว่า หรือหุ้นที่มี Story หรือพฐ ที่เราอ่านมาแล้วว่าใช้ได้เราก็รอให้มันเข้าจุดซื้อรองแล้วก็หวด

ตัวอย่างแบบที่ 3
แบบนี้ก็ยิงจากจุดซื้อรองเช่นกัน ก็เหมือนเดิม Identify Base ให้ได้ พอเสร็จตีเฉียงยิงไม้แรก ยิงไม้ 2 จุดเข้าหลักและไม้ 3 ตามลำดับ จริงๆแล้วถ้าเรา Identify Base คล่อง จะยิงผสมระหว่างจุดซื้อรอง, Pullback หรือหาช่วงที่เป็น Handle เล่นกับมันก็ได้ครับ แต่เอาแบบเบสิคก็ได้คือหาจุดรอง 1 จุดแล้วไปรอหวดจุดหลัก 1 จุด
เช่นเดิมครับจุดรองก็ต้องระบุให้ได้ก่อนว่าเป็นหุ้นผู้นำหรือหุ้นที่เราเข้าใจ ไม่งั้นไปเล่นหุ้นที่มีจุดซื้อหลักให้เล่นอาจจะได้เปรียบกว่า

ตัวอย่างแบบที่ 4
ซื้อแบบ Pullback ก็หาแนวรับซักจุดนึง จากนั้นก็ซื้อแถวๆนั้น แล้วไม้ต่อๆไปก็ซื้อเมื่อมันกลับมาใน Direction หลักหรือเมื่อหุ้นมันเด้งกลับไปแล้ว การซื้อ Pullback ไม่จำเป็นต้องซื้อตอนเบรคไปแล้วย่อกลับมานะครับ ซื้อ Pullback ในฐานราคาที่แข็งแกร่งก็โอเคเช่นกัน แล้วก็ผมว่าการซื้อย่อมันไม่จำเป็นต้องถึงแนวรับนะ หน้างานจริงเราไม่ชัวหรอกว่ามันจะถึงจุดรับมั้ย หรือมันอาจจะแหกเลยก็ได้ ผมว่าวางให้ใกล้กับจุดยิงที่เหมาะสม 1-2% ก็โอเคแล้ว แล้วพอหุ้นถูกทางก็พีระมิด add-up ขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม จริงๆแล้วการซื้อพีระมิดมันมีอีกเยอะนะครับ อยู่ที่เราจะ Design ออกมายังไง ประเด็นอยู่ที่เราหาให้ได้ว่าแบบไหนที่ใช่เรามากกว่า การเล่นพีระมิดถ้าเล่นให้ง่ายขึ้นอาจจะต้องวาง Money Management ให้เหมาะและฝึกอ่านฐานราคาน่าจะช่วยได้ครับ หรือใครคิดว่ามันเรื่องเยอะ ถนัดหวดตูมเดียวรู้เรื่องก็แล้วแต่ครับ แต่สำหรับที่ผมเทรดมันความแม่นยำไม่ได้เยอะเท่าไหร่ก็ต้องหาวิธี Reduce risk ไม่ให้พอร์ตเน่าจนเกินไป
สุดท้ายก็หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านครับ ฝึกไปด้วยกัน อยู่รอดไปด้วยกันครับ ถ้ายังไงฝากกด Like กด Share ด้วยนะครับ
Leave a Reply