– เมื่อทุกอย่างผิดพลาดไปหมด Lessons from Jack Schwager –

บทความนี้เขียนมาจากการอ่านบทความของคุณ Jack Schwager ผู้เขียนหนังสือที่โด่งดังอย่าง Market Wizards คิดว่าน่าจะเหมาะกับช่วงนี้ที่หลายคนหัวเสียกับตลาดหุ้นเลยนำมาลองแปลให้อ่านกันครับ
ในช่วงที่เราเทรดได้ดีทุกอย่างมันง่ายดายไปหมด แต่เมื่อถึงช่วงที่คุณมีผลการเทรดที่ย่ำแย่…
คุณจะทำอย่างไร?
คุณจะรับมือกับสถานการณ์ในช่วงนั้นอย่างไรถ้ามันเกิดติดๆกันเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน จากการสัมภาษณ์เหล่าตำนานเทรดเดอร์หรือผู้จัดการกองทุนระดับโลกเป็นจำนวนมาก พวกเขาเหล่านั้นก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วไปที่จะมีช่วงที่เทรดไม่ได้ตามผลลัพธ์ที่หวัง ซึ่งแต่ละคนมักจะให้คำแนะนำในการจัดการกับช่วงเวลาที่ยากลำบากคล้ายๆกัน คือ
1. เทรดให้น้อยลง (Reduce your trading side)
Paul Tudor Jones หนึ่งในเทรดเดอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของพวกเรา ก็เคยประสบปัญหาพบช่วงเวลาการเทรดแย่เช่นเดียวกัน ซึ่งเขาเคยได้ให้สัมภาษณ์กับผมไว้ว่า “เมื่อผมเทรดได้แย่ ผมจะลด Position size ลง ซึ่งการที่ผมทำแบบนี้ผมเทรดจำนวนน้อยที่สุดในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ และเทรดจำนวนมากเมื่อผมเทรดได้กำไร”
Ed Seykota สุดยอดเทรดเดอร์และหนึ่งในผู้บุกเบิก Systematic Futures Trading ให้คำแนะนำไว้คล้ายๆกันคือ “เมื่ออยู่ในช่วงที่พอร์ตของผมเกิด Drawdown ผมจะลดขนาดการเทรดของผมทันที เพื่อไม่ให้ผมพบประสบการณ์เดียวกับที่คุณ Livermore ได้พบ”
Marty Schwartz เทรดเดอร์แชมเปี้ยนส์ ผู้ที่สามารถทำเงิน $40,000 เป็น $20,000,000 ในเวลาไม่กี่ปี ในช่วงเวลาที่ผมสัมภาษณ์เขาจะลดปริมาณการเทรดลงจากปกติมากเมื่อเจอช่วงเวลาที่ไม่ดีซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจของเขา “หลังจากที่ผมเสียเงินจำนวนมาก ผมจะเทรดด้วยจำนวนเงินน้อยมาก เทรดไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วจริงเพิ่มขนาดกลับมาเป็นปกติ” ในช่วงวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1982 คุณ Schwartz ขาดทุนไป $600,000 เขาแก้ปัญหาโดยการเทรดใน size ที่ลดลง และค่อยๆเก็บสะสมกำไรขึ้นมาแล้วเมื่อจบเดือน พฤศจิกายนปีนั้นการขาดทุนของเขาลดเหลือเพียง $57,000 เท่านั้น
Randy McKay เทรดเดอร์ผู้เปลี่ยนเงิน $2000 เป็น $70,000 ในเวลาหนึ่งปีและขึ้นไปเป็น $10,000,000 ในเวลาไม่กี่ปีก็ใช้การลดขนาด Position เมื่อเขาอยู่ในช่วงที่ขาดทุนเช่นกัน “ผมจะลดขนาดการลงทุนของผมลงเมื่อผมขาดทุน จากการที่เคยเปิดสัญญาต่อครั้งถึง 3,000 สัญญาผมอาจจะลดเหลือเพียง 10 สัญญาเลยถ้าผมเทรดได้แย่มาก การปรับ Position size คือหนึ่งในกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จของผม”
2. หยุดเทรด
บางครั้งการลดขนาดของการเทรดอาจจะไม่พอ หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความมั่นใจและการรักษาพอร์ต คือการหยุดเทรด
Michael Marcus ตำนานฟิลเจอร์เทรดเดอร์บอกกับผมว่า “ความพ่ายแพ้มันจะนำพาความพ่ายแพ้อื่นๆตามมาด้วย เมื่อคุณเริ่มที่จะขาดทุน มันจะเริ่มมีบางสิ่งเข้ามารบกวนจิตใจของคุณแล้วมันจะทำให้คุณหลุดฟอร์มหรือเทรดได้ไม่ดี และเมื่อผมเจอช่วงเวลาเหล่านั้นผมก็จะหยุดทันที”
Richard Dennis สุดยอดปรมาจารย์เทรดเดอร์ผู้เปลี่ยนเงิน $400 เป็น $200,000,000 ก็ให้แง่คิดที่คล้ายๆกันคือเมื่อคุณขาดทุนไปเรื่อยๆจนมันเริ่มที่จะเข้าไปกระทบกระบวนการตัดสินใจของคุณ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการหยุดเทรด (ประโยคเด็ดของคุณ Dennisที่แอดมินจำได้เลยคือ When you are getting beat to death, get your head out of the mixer.)
เมื่อคุณพบกับช่วงการเทรดที่ขาดทุนติดๆกัน วิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการไม่พยายามเทรดมากเกินไป แต่ทำสิ่งตรงข้ามคือ การหยุดเทรด หาเวลาออกจากหน้าจอและหยุดพักซะบ้าง การหยุดพักจะทำให้สิ่งร้ายๆนั้นลดลงและทำให้ความมั่นใจของคุณค่อยๆกลับมา ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วนเกิดในช่วงที่คุณเทรดได้แย่ทั้งนั้น และเมื่อคุณกลับมาเทรดใหม่ ก็ค่อยเริ่มสะสมความมั่นใจจากการเทรดด้วยจำนวนน้อยๆ ก่อนและค่อยๆ เพิ่มเมื่อเราได้ผลลัพธ์ที่ดี
แม้ว่าเหล่าเทรดเดอร์จะสามารถตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงไม่ดี แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขารู้เมื่อมันสายไปหรือการขาดทุนมันรุกรามไปมากแล้ว พวกเขายอมที่จะให้การขาดทุนนั้นมากขึ้นโดยที่ไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขอะไรเลย ซึ่งส่วนใหญ่มันเกิดจาก “ช็อค” จาก Drawdown ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ผมแนะนำในการแก้ปัญหานี้คือให้จดบันทึกและ Plot Equity curve เป็นรายวันหรือรายสัปดาห์เพื่อให้ทราบสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับพอร์ตของเราและสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงทีอย่างที่คุณ Marcus ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า
“เมื่อ equity ของคุณนั้นเป็นขาลง นั่นคือสัญญาณที่คุณจะต้องลดขนาดการเทรดและประเมินสถานการณ์ใหม่”
จากที่แอดมินได้อ่านตามหน้าเพจหรือกลุ่มพบว่าช่วงนี้เทรดเดอร์ก็ประสบปัญหาการลงจากสภาพตลาดที่ผันผวน หวังว่าบทความแปลนี้จะช่วยท่านได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอให้โชคดีในการลงทุน
Leave a Reply