บทความ 5 ขั้นตอนการเอาตัวรอดหลังจากที่คุณขาดทุนติดๆ กัน โดย Galen Woods
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงมากๆ ซึ่งอาจจะทำให้เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเจอกับการขาดทุนติดๆ กัน วันนี้ผมมีบทความที่ช่วยให้เรารับมือกับการขาดทุนต่อเนื่องติดๆ กันได้ดียิ่งขึ้นครับ บทความนี้อาจจะเหมาะกับคนที่เทรดมาได้ซักระยะหนึ่งมากกว่ามือใหม่ เดี๋ยวมาคุยเรื่องเหตุผลกันว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้นในช่วงท้ายบทความ ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะครับ มีประโยชน์แน่นอน
การขาดทุน การขาดทุนติดๆ กัน และการขาดทุนหนัก
การขาดทุนติดๆ กันมักจะดึงพฤติกรรมแย่ๆ ของเทรดเดอร์ออกมา
หลังจากที่คุณเจอช่วงที่ขาดทุนติดๆ ความมั่นใจของคุณจะเริ่มถูกทำลาย จิตใจของคุณเริ่มไม่พร้อมที่จะเทรด คุณเริ่มวิตกกังวลว่าการขาดทุนติดๆ กันรอบนี้มันอาจจะเพราะว่าคุณไม่ดีพอหรือกลยุทธ์ของคุณเริ่มที่จะไม่มีความได้เปรียบ
การขาดทุนติดๆ กันหรือการขาดทุนหนักอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความล้มเหลวในอาชีพการเทรดของคุณ
เพราะเหตุผลพวกนี้ คุณจึงจะเป็นต้องรู้จักที่คาดการณ์และวางแผนรับมือกับช่วงเวลาที่คุณขาดทุนอย่างถูกวิธี สำหรับบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดและการฟื้นฟูจากช่วงเวลาที่คุณขาดทุนซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญของเทรดเดอร์ทุกคน
ตัวผมพบเจอกับช่วงเวลาที่ขาดทุนอยู่บ่อยๆ มันกัดกินและสร้างบาดแผลให้กับความมั่นใจของคุณ มันทำให้คุณขาดสติอยู่เรื่อยๆ จนกว่าที่คุณจะเรียนรู้ที่จะจัดการกับพวกมัน ที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้ว่าการรับมือกับช่วงที่เราขาดทุนเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในอาชีพนี้
และนี่คือ 5 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณรอดจากช่วงเวลาที่คุณขาดทุน
ขั้นตอนที่ 1 ปรับความคาดหวังเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณขาดทุนติดๆ กันหรือช่วงเวลาที่คุณขาดทุนหนัก
“คุณจะเจอกับช่วงเวลาที่ต้องขาดทุนแน่นอน และคุณจะพบกับมันอยู่เรื่อยๆ ถ้าคุณยังอยู่ในอาชีพนี้”
นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้คุณรับรู้ไว้ คุณต้องคาดการณ์ไว้เลยว่าจะต้องเจอช่วงที่คุณขาดทุนติดๆ กัน ถึงแม้ว่าคุณจะมีกลยุทธ์ที่กำไรได้อย่างดีก็ตาม
ฉะนั้นอย่างแรกที่คุณจะต้องเข้าใจก็คือ คุณต้องยอมรับว่าการขาดทุนติดๆ กันนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นคุณจำเป็นจะต้องหาให้ได้ว่ากลยุทธ์ของคุณมีระยะในการขาดทุนติดๆ กันนานเท่าไหร่
รู้ให้ได้ได้ว่ากลยุทธ์ของคุณจะมีจำนวนการขาดทุนติดๆ กันได้มากเท่าไหร่
จริงๆ แล้วจำนวนการขาดทุนติดๆ กัน มักจะขึ้นอยู่กับชนิดของกลยุทธ์ที่คุณใช้ อย่างเช่นกลยุทธ์ที่เล่นตามแนวโน้มมักจะมีจำนวนการขาดทุนติดๆ กันมากกว่ากลยุทธ์ที่มีการเทรดที่บ่อยกว่า อย่างเช่นกลยุทธ์ scalping(ความเห็นแอดมิน : เนื่องจากโดยปกติกลยุทธ์ Trend Following มักจะมี %win rate ของระบบอยู่ที่ 20%-40% แต่ scalping มักจะมี %win rate ที่มากกว่า 60-70% ทำให้ความน่าจะเป็นที่กลยุทธ์ trend following แพ้บ่อยกว่าและจะเจอการขาดทุนติดๆ กันที่มากกว่า) ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดคือการทดสอบหรือการ back-test กลยุทธ์แล้วรันระบบเพื่อหาว่าจำนวนการขาดทุนติดๆ กันที่มากที่สุดของกลยุทธ์ที่คุณใช้คือเท่าไหร่ ฉะนั้นตัวเลขนี้คือตัวเลขสำคัญที่คุณจะต้องรู้สำหรับระบบของคุณ
ถ้าหากคุณทดสอบแล้วว่ากลยุทธ์ของคุณมีจำนวนการขาดทุนติดๆ กันมากที่สุด 8 ครั้ง ฉะนั้นคุณก็ควรที่จะกังวลเมื่อคุณขาดทุนติดๆ กันเกิน 8 ครั้ง แต่ถ้าคุณขาดทุนแค่ 3-4 ครั้งติดๆ คุณไม่จำเป็นจะต้องกังวลเลย เพราะก็เป็นเรื่องปกติของระบบ
ขั้นตอนที่ 2 เข้าใจขีดจำกัดทางอารมณ์ของคุณ
การตั้งจำนวนเงินที่คุณตัดขาดทุนต่อวัน หรือการลิมิตจำนวนการเทรดเป็นวิธีปกติที่ช่วยในการจัดการกับการขาดทุนติดๆ กัน ซึ่งเป็นวิธีที่ดี แต่คุณต้องนำมันมาสัมพันธ์กับอารมณ์ของคุณด้วย
ภาพในอุดมคติ ถ้าหากคุณรู้ว่ากลยุทธ์ของคุณจะเผชิญกับการขาดทุนติดกัน 8 ครั้ง แต่ตอนนี้คุณขาดทุนแค่ 3 ครั้งติด คุณคงรู้สึกเฉยๆ แล้วเทรดต่อไปแบบสบายๆ
แต่ภาพในความเป็นจริงอาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
การขาดทุน 3 ครั้งติด อาจจะเพียงพอที่จะทำให้ใจของคุณวิตก เมื่อคุณเริ่มขาดทุนติดๆ หัวคุณเริ่มร้อน และคุณเริ่มที่จะลืมเป้าหมายของคุณไป คุณเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่แล้วพร้อมจะเอาคืน จนสุดท้ายคุณก็เสียเงินมากยิ่งขึ้น
อย่างเพียงแค่ set กฏแค่เรื่องของจำนวนเงินที่คุณขาดทุนได้มากที่สุดต่อหนึ่งวัน คุณควรถามตัวเองด้วยว่าคุณสามารถเสียเงินได้มากเท่าไหร่ในแต่ละช่วงเวลาแล้วคุณจะเริ่มหัวร้อน ซึ่งพวกคุณแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับ risk profile และจำนวนเงินที่คุณมี เช่นเดียวกันคุณก็ควรถามตัวอีกด้วยว่าจำนวนครั้งหรือความถี่ในการเกิดการขาดทุนติดๆ กันเท่าไหร่ที่คุณจะเริ่มหงุดหงิด
คุณควรรู้และใส่ใจมันทั้งสองค่าคือ จำนวนการขาดทุนติดกันที่มากที่สุดที่คุณได้ตรวจสอบระบบ (จากที่เขียนไว้ในขั้นตอนที่ 1) กับจำนวนที่สภาพจิตใจของคุณทนได้ แล้วใช้ค่าที่จำนวนน้อยกว่าในการเริ่มที่จะหยุดพัก
ขั้นตอนที่ 3 เทรดให้เล็กลง ไม่ใช่เทรดด้วยเงินที่มากขึ้น
2 ขั้นตอนแรก คือคุณจะต้องทำให้จบก่อนที่คุณจะเจอการขาดทุนติดๆ
ขั้นตอนที่ 3 คือขั้นตอนที่คุณใช้หลังจากที่คุณเจอการขาดทุนติดๆ กัน มันคือขั้นตอนที่สำคัญมากถ้าคุณไม่อยากจะเสียหายหนักเมื่อคุณเจอการขาดทุนต่อเนื่องติดๆ กัน
ถ้าเรามาพูดถึงว่า การขาดทุนติดๆ ฆ่าเทรดเดอร์ได้อย่างไร ?
ยิ่งเทรดเดอร์ขาดทุนมากยิ่งขึ้น พวกเขาจะยิ่งอยากที่จะเอาคืนในสิ่งที่พวกเขาเสียไป (ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมนุษย์) ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำต่อไปคือการเพิ่ม position size เพื่อหวังจะได้เงินกลับคืนโดยลืมไปว่าสิ่งนั้นคือ การเพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน ถ้าได้เงินกลับคืนก็ดีไป แต่ถ้าการเทรดมันผิดทางต่อไป พอร์ตของพวกเขาก็จะพังทลายหายไป มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาที่คุณขาดทุนติดๆ กัน อย่าพยายามเพิ่มขนาด position size คุณต้องทำกลับกัน คือยิ่งคุณเสียเงินคุณยิ่งต้องลดขนาด position size (แอดมิน : แนะนำให้ทุกคนไปอ่าน Anti-Martingale System อ่านกันต่อนะครับ)
ลดขนาดการเทรด พยายามฟื้นความเฉียบคมกลับมา เดี๋ยวการเทรดจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
ขั้นตอนที่ 4 หยุดคิดเรื่องการเทรด
การลดขนาด position size อาจช่วยในการรักษาเงินทุน แต่จิตใจขอบคุณก็ต้องการการรักษาเช่นกัน
หลังจากที่เจอการขาดทุนติดๆ กัน คุณจะรู้สึกสงสัยในความสามารถในการเทรดของคุณ คุณจะเริ่มสงสัยว่าวิธีการเทรดของคุณมันทำเงินได้จริงหรือไม่ หรือแม้กระทั่งเราจะใช้มันในการทำเป็นอาชีพได้จริงรึเปล่า ความมั่นใจของคุณถูกทำลาย ถ้าหากคุณซีเรียสกับการเทรดมากๆ สิ่งนี้อาจทำให้คุณเป็นซึมเศร้าได้เลย
ไม่มีทางเลยที่คุณจะเทรดได้ดีด้วยสภาพจิตใจแบบนี้
พยายามหากเวลาหยุดพักออกจากตลาดบ้าง ใช้เวลากับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การเทรดบ้าง คุณต้องเข้าใจว่าชีวิตมันไม่ได้มีแต่เรื่องการเทรด ต้องคิดบวกเข้าไว้และมีความพยายามถึงแม้ว่าจะพบกับความล้มเหลวระหว่างทาง
เมื่อคุณรู้สึกดีขึ้นแล้วพร้อมที่จะสู้ต่อ เราก็จะไปที่ขั้นตอนถัดไป
ขั้นตอนที่ 5 ตรวจสอบวิธีการเทรดของคุณ
ในขั้นตอนที่แล้วคุณได้ใช้เวลาไปพักและออกห่างจากตลาด ซึ่งมันช่วยรีบูตสภาพจิตใจของคุณซึ่งมันทำให้ตัวคุณออกห่างจากเรื่องที่คุณขาดทุนติดๆ กัน
หลังจากที่คุณเคลียร์หัวของคุณแล้ว สิ่งที่คุณควรทำต่อไปคือการวิเคราะห์การเทรดที่เกิดขึ้น
ระยะการขาดทุนติดๆ กันนี้คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในระบบของคุณหรือไม่ (เมื่อเทียบกับ benchmark ที่เราได้หาไว้ในขั้นตอนที่ 1)
ถ้าหากจำนวนของการขาดทุนติดๆ กันมันยังน้อยกว่า benchmark ผมแนะนำว่าคุณไม่ควรไปปรับอะไร
ความทุกข์ที่เกิดจากการขาดทุนติดๆ กันทำให้คุณรู้สึกว่ามันมีอะไรผิดไป และคุณต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
มันจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมคิดต้องหาสาเหตุของการขาดทุนติดหลักจากที่คุณหยุดพักเรียบร้อย
คุณต้องจำไว้ว่า การเทรดที่ขาดทุนไม่จำเป็นจะต้องเป็นการเทรดที่แย่เสมอไป
ถ้าหากการขาดทุนติดๆ กันมันเกินจากค่ามาตรฐานของกลยุทธ์ สิ่งนั้นอาจเป็นตัวบ่งบอกถึงปัญหา
ถ้าหากเกิดเคสแบบนี้ อย่าเพิ่งกลับเข้าไปเทรด คุณจำเป็นจะต้องเข้าไปเจาะลึกแต่ละการเทรดของคุณว่ามีรายละเอียดอย่างไรและพยายามค้นหาถึงรากของปัญหา นี่อาจจะไม่ใช่งานง่าย แต่ก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ กับระบบที่อาจจะสูญเสียความได้เปรียบ
หลังจากที่คุณทราบถึงปัญหาและเริ่มพัฒนากลยุทธ์ของคุณเรียบร้อย คุณจึงค่อยกลับเข้าไปเทรด
ผมรู้ว่าการเอาตัวรอดจากการขาดทุนติดๆ กันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย คุณจำเป็นต้องอุทิศเวลา ทุ่มเทกายใจเพื่อแก้ปัญหาให้มันดีขึ้น ประสบการณ์ที่ผ่านมามันสอนให้ผมรู้ว่า การขาดทุนติดๆ กันจะช่วยให้คุณเก่งขึ้นและสม่ำเสมอ ถ้าหากว่าคุณรอดจากมันได้
คุณจะพบกับความยากลำบากเมื่ออยู่ในช่วงที่ขาดทุนติดๆ กันไม่ว่าคุณจะเทรดด้วยวิธีไหนก็ตาม
การคิดว่าคุณสามารถที่จะรับมือการกับขาดทุนติดๆ กันโดยไม่มีแผนรับมือ มันคือการฆ่าตัวตาย ฉะนั้นลองนำขั้นตอนทั้ง 5 ที่ผมแนะนำไปปรับใช้ในแผนการเทรดในตอนที่คุณอยู่ในช่วงขาดทุนติดๆ กัน
พวกเราจะทำกำไรได้แต่แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้นคือคุณต้องรอดจากการขาดทุนหนักๆ ก่อนนะ
จบไปใส่บทความของคุณ Galen Woods นะครับ อย่างที่ผมทิ้งไว้ในช่วงแรกของบทความ ที่ผมพูดว่า บทความนี้อาจจะเหมาะกับคนที่เทรดมาได้ซักระยะหนึ่งมากกว่ามือใหม่ จากประสบการณ์ของผม ผมคิดแบบนี้เพราะ คนใหม่ๆ ที่เข้ามาอาจจะไปติดตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลยครับ คือ เขาไม่รู้ว่าจำนวนการขาดทุนติดๆ กันของระบบที่ตัวเองใช้มีค่าเท่าไหร่ อาจด้วยสาเหตุหลายประการ อย่างเช่นการขาดความรู้ในการออกแบบระบบเทรดหรือไม่ได้เทรดแบบ systematic trading หลายๆ คนที่เริ่มเทรดโดยส่วนใหญ่จะเป็น Discretionary trading (ใช้กระบวนการคิดของตัวเองในการตัดสินใจซื้อขายแต่ละครั้ง) โดยที่ไม่มีกฏระเบียบตายตัว หรือมีแผนการเทรดก็เป็นการวางแผนรายหุ้นไม่ได้วางแผนภาพรวม (ดูว่าตัวนี้กราฟสวยมั้ย เล่นอะไรกับมันดี ซื้อแนวรับ ซื้อแนวเบรค หรือเล่นกับอินดิเคเตอร์) ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปพอมานั่งดูซัก 40-50 เทรด พบว่าเทรดหลายท่าปนกันไปหมด ซึ่งโดยปกติเวลาเรามาวิเคราะห์เราจำเป็นต้องแยกแต่ละ setup ให้ชัดเจนว่าแต่ละแบบมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไรแล้วค่อยนำจับมารวมกัน อันนี้คือจุดแรกคือแผนไม่ได้ชัด อย่างที่สองที่แย่กว่าคือ ส่วนใหญ่เทรดไปเรื่อยๆ แล้วไม่มีข้อมูลที่บันทึกเลย เทรดเอามัน ทำให้ก็ไม่รู้ว่าที่เทรดมามีค่าอะไรเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าต้องเก็บค่าอะไรบ้าง รู้แต่ผลลัพธ์ว่าได้เงินหรือเสียเงินซึ่งจริงๆ พวกการรู้ผลลัพธ์การเทรดมันไม่ได้ช่วยให้คุณพัฒนาเท่าไหร่ครับ และอีกเรื่องคือความไม่เข้าใจธรรมชาติของการเทรดครับ หลายๆ คนไม่เข้าใจเรื่องของ law of large numbers คิดว่าถ้าระบบที่เราศึกษามามีความน่าจะเป็นที่จะชนะหรือ win rate = 50% แสดงว่าเราจะชนะสลับกับแพ้ไปเรื่อยๆ ผมเคยเข้าไปฟังการพูดคุยในห้องที่เขาคุยกันเรื่องเทรดแล้วมีความไม่เห็นด้วยบางส่วนครับ สิ่งที่เขาพูดในนั้นคือ
“พี่เทรดมาแล้วระบบมันชนะ ประมาณ 40-60% พี่เทรด 5 ตัว ชนะ 2-3 ตัว จาก 5 ตัว แล้วได้กำไรทีละเยอะๆ ก็สบายแล้ว ชิลๆ”
ในความเป็นจริง แม่งไม่จริงครับ โลกของการเทรดมันมีสภาวะตลาดง่ายและยาก เวลาที่ช่วงที่ง่ายคุณอาจชนะแม่งหมดทุกเทรดเลยครับ ส่วนตอนที่คุณแพ้คุณอาจจะแพ้รัวๆ ติดกัน เช่น ช่วงง่าย win rate คุณในระยะนั้นอาจขึ้นไปถึง 90% แต่ช่วงที่ยากคุณอาจจะลดลงเหลือ 10% แล้วพอมันรวมกันมันถึงได้ 40-60% สิ่งที่เกิดคือ คุณจะเหลิงในช่วงตลาดง่ายครับ ทำยังไงก็ได้กำไร เทรดหนัก แต่พอช่วงตลาดยากที่คุณได้ 10% คุณจะโคดท้อ วินัยจะหย่อน จะเริ่ม overtrade เทรดหนัก เทรดมั่ว ไม่ยอมคัท และหาทางแก้ที่ไม่มีแบบแผนจนสุดท้ายขาดทุนหนักจากสาเหตุที่กล่าวๆ มา ทำให้พอร์ตไหลกระจุย ฉะนั้นเราต้องเข้าใจธรรมชาติการลงทุนจริงๆ ซะใหม่ครับ ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมผมคิดว่ามือใหม่อาจจะยากกับบทความนี้ซักหน่อย แต่ถ้าคนที่เทรดมาหลายๆ ปีผมคุณว่าคงมีประโยชน์กับคุณครับ คุณคงมีวิธีการที่ค่อนข้างนิ่ง มีการจดบันทึกกันอยู่แล้วและน่าจะมีวินัยกันมากพอ ลองเอาขั้นตอนพวกนี้เข้าไปในแผนฉุกเฉิน หรือ contigency plan ในช่วงที่เกิด consecutive loss ก็ได้ครับ
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ช่วยทุกคนได้ครับ
บทความ 5 ขั้นตอนการฟื้นฟูหลังจากที่คุณทุนขาดหนัก โดย Galen Woods แปลและเรียบเรียงโดย Humble Trader Diary
ฝากกด like กด share หรือ comment เป็นกำลังให้ทางเพจผลิตผลงานต่อไปด้วยนะครับ
Leave a Reply