“แอดมินครับ ทำยังไงให้ได้กำไรทีละ 50-100% แบบที่หลายๆ คนเขาทำกันครับ”
คำถามนี้เป็นคำถามที่ลูกเพจท่านนึงถามผมมาในเพจครับ ผมก็เลยถามกลับไปว่าเขาเล่นแบบไหน อะไรยังไง ถามรายละเอียดกันอยู่นาน
สรุปแล้วได้ความว่า เขามีประสบการณ์มาค่อนนานพอสมควร เขาเป็นคนที่เทรดหุ้นระยะสั้น 3-12% ได้แล้วออก ถือหุ้นเวลาได้กำไรเฉลี่ยประมาณ 10 วัน และทำผลตอบแทน 4-5 ปีนี้ที่ชนะตลาด พูดง่ายๆคือ เขาน่าจะอยู่รอดได้ในตลาดหุ้นได้แล้ว แต่ปัญหาที่เขาเจอคือ ในหลายๆครั้งที่ทำกำไรแล้วหุ้นหลายๆตัว มันบินยาวๆ ไปเป็นเด้งหรือมากกว่านั้นหลังจากที่เขาขายไปปีสองปี พูดง่ายๆ คือ เขาคิดว่าเขาขายหมูตัวใหญ่บ่อยมาก และเขาคิดว่าถ้าเขาได้กำไรก้อนใหญ่ เขาจะทำผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้นอีกเยอะ
ผมลองมานั่งๆคิดดูเรื่องที่เขาถามดู ผมคิดว่ามันก็ถูกต้องที่ถ้าสามารถทำกำไรครั้งละมากๆได้แล้วพอร์ตของเราจะทำผลตอบแทนได้ดี แต่ผมว่าการถือหุ้นให้ยาวเพื่อสร้าง “Big Play” หรือ “Home Run”ไม่ใช่เพียงวิธีเดียวที่จะสามารถทำให้เราประสบความสำเร็จระยะยาวได้ และกลายถือเพื่อเอา Big play มันก็มีข้อเสียของมันเหมือนกันครับ เช่น win rate ที่อาจจะต่ำลง หรือการที่ต้องทนรับ drawdown ในช่วงที่เราถือรัน
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเทรดหุ้นหรือกลยุทธ์แบบ Scalping, Day Trading, Swing Trading, Momentum Trading, Position Trading, Value Investing และอื่นๆ ผมคิดว่าการเก็บระยะไม่ว่าจะสั้นหรือจะยาวก็สามารถประสบความสำเร็จได้หมด ในระดับโลกมันพิสูจน์กันมาเยอะแล้ว เราแทบจะเจอคนที่ประสบความสำเร็จในทุกสไตล์การเทรด
จะบอกว่าเทรดระยะสั้นหรือการเป็น Day Trader ไม่สามารถทำให้คุณรวยได้ทำได้เพียงแค่สร้าง Cashflow ถ้าอย่างงั้น Marty “The Pit Bull” Schwartz คงไม่สามารถจะเปลี่ยนเงิน $40000 เป็น $20,000,000 ในเวลาสี่ห้าปี หรือในไทยก็มีเทรดเดอร์อยู่หลายท่านที่เทรดหุ้นระยะสั้นแล้วสามารถทำผลตอบแทนที่ชนะตลาดได้ในระยะยาว ฉะนั้นในเรื่องของสไตล์หรือระยะการเทรดไม่น่าจะเป็นตัววัดอย่างมีนัยยะว่า ใครดีกว่าใคร
ผมคิดว่าการเข้าใจวิธีการเล่นและหาให้ได้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไรน่าจะเป็นกุญแจสำคัญซะมากกว่า คล้ายๆกับการเล่นเกมนั่นแหละครับ การจะเล่นเกมให้ผ่านซักเกมเราต้องเข้าใจกฎของมันและวิธีการเล่นก่อน เหมือนอย่างเล่นเกม Rockman (เก่าไปมั้ย 55+) ที่เราจะต้องรู้ว่าเราต้องไปปราบศัตรูตัวไหนก็ถึงจะผ่านด่านต่อไปได้ง่าย หรือเล่นเกมอย่าง Final Fantasy ที่จะต้องทำอะไรถึงจะทำquest ผ่าน หลายท่านอาจจะไม่ชอบเกมเหล่านี้แต่ไปชอบพวกเกมต่อสู้อย่าง Street Fighter หรือ TEKKEN ก็ตามมันก็จะมีวิธีเล่นในแบบของมันเช่นกัน สิ่งสำคัญคือหาเกมที่ตัวเองชอบแล้วเพลิดเพลินไปกับมัน
ในเรื่องของหุ้นก็เช่นกัน ศึกษากฎของมัน ทำความเข้าใจวิธีการแต่ละแบบแล้วหาวิธีการเล่นที่มัน Fit กับตัวคุณ ข้อดีและข้อเสียของการเล่นแต่ละแบบนั้นต่างกัน ถ้าคุณเทรดระยะสั้น คุณจะเจอกับการเทรดที่คุณขายทำกำไรแล้วหุ้นตัวนั้นขึ้นไปได้ไกลอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ถ้าคุณลงทุนแบบถือระยะยาว คุณก็จะเจอกับสถานการณ์ที่หุ้นที่คุณถือหุ้นมีกำไร 10-30% กลายมาเป็นเท่าทุนหรือขาดทุนไปเลย
ส่วนตัวแล้วผมเชื่อในเรื่องของการทำตามเป้าหมายและวินัยที่วางไว้มากกว่าการได้กำไรหุ้นแบบ Big Play ซะอีก (ทั้งที่ระบบที่ผมใช้ทุกวันนี้คือระบบที่จำเป็นจะต้องได้ Big Play ก็ตาม)
ผมว่าคนที่ตัดสินใจเทรดหุ้นระยะสั้นหรือระยะกลางก็ต้องคิดไว้แล้วแหละว่าวิธีที่ใช้อยู่มันเวิร์คและประสบความสำเร็จได้ ไม่งั้นพวกคุณคงไม่เล่นแบบนี้จริงมั้ยครับ ?
ฉะนั้นถ้าคุณยังเทรดได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปกังวลเรื่องของ Big Play หรือ Home run หรอกครับ ปล่อยให้คนที่เขาวางเป้าหมายที่ต้องสร้าง Big Play เขาทำไป การเทรดหุ้นไม่ใช่เรื่องของการหาจุดต่ำสุดและจุดสูงสุด แต่เป็นเรื่องของการทำตามเป้าหมาย ปกป้องตัวเองและทำมันให้ได้ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องครับ
“If you know your game, you can handle pressure;
you can handle any kind of situation, back yourself,
and play your own game and get success.”
–Virender Sehwag –
- หาวิธีเล่นของตัวเองให้เจอ เหมือนกับซามูไรที่ตามหาดาบที่เข้ากับมือของตัวเอง วิธีที่หาได้ง่ายที่สุดคือ การรู้ขอบเขตของวิชาทั้งหมดและพัฒนามัน เช่นในโลกนี้มันมีวิธีแบบไหนบ้าง ใครอยู่บนจุดสูงสุดของวิชานั้นๆ เข้าใจข้อดี ข้อเสียของวิธี แล้วมาดูว่าเหมาะกับตัวเองมั้ย ทั้งข้อจำกัดทางด้านเวลา ความเชื่อ และเรื่องของ Risk profile ซึ่งจะทำไม่ได้เลยถ้าไม่ศึกษาอย่างหนัก และจดบันทึก
- พยายามใช้ Mindset เดียวกับตอนเราเลือกคณะ หรืออาชีพที่เราสนใจ เข้าใจให้ได้ว่าคณะนั้นมันต้องการอะไร แล้วมันมีหลักสูตรวิชาเรียนอะไรให้เราต้อง mastery บ้างเพื่อจะประกอบอาชีพนี้ คิดว่าซะว่า อาชีพนี้คือ อาชีพ Trader ละกัน ดูได้จากอะไรบ้าง วิธีตอนที่ผมเริ่มจริงจัง ผมหา Requirement กับ Qualification ของ hedgefund manager หรือ Trader จากบ. ระดับโลกมานั่งดู เช่น Citadel เขาต้องการคนที่ “Interest in game theory, decision theory and strategy games” และ “Use trading metrics and data analysis methods to improve decision-making and find innovative ways to generate additional profits” เป็นต้น แล้วก็ตามเก็บหัวข้อจากหนังสือและ Seminar ดีดีของฝรั่ง ลิสต์หัวข้อ แล้วมานั่งไล่เก็บ คล้ายๆ กับวิชาตอนสอบเข้า ต้องเก่ง เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ เลข อะไรแบบนั้น ผมไม่สนับสนุกการเทรดมั่วๆ โดยที่ไม่ได้ดูภาพใหญ่ก่อนว่าเราต้องทำอะไรบ้าง อย่าพายเรือโดยที่ไม่รู้ทิศทางที่จะไป อาชีพนี้มันไม่ได้ง่าย จริงๆ แล้วก็เหมือนกับอาชีพอื่น คนที่ขึ้นไปได้สูงจริง คือคนที่เตรียมตัวและจริงจังกว่าชาวบ้าน
ไม่ต้องรีบ เรียนหมอใช้เวลา 4-8 ปีบวก กว่าจะได้เป็นผู้พิพากษาสอบแล้วสอบอีก จะขึ้นไปเป็น Manager ต้องไต่เต้าต้องกี่ปี แล้วทำไมถึงคิดว่าลงทุนแล้วเทรดจะเก่งเลยในปีเดียว กำไรชั่วคราวไม่ได้ตัดสินว่าเราเก่ง มีเยอะมากกำไร 4-500% ในเวลาแปปเดียว สุดท้ายตลาดยากก็มอบตัว ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปครับ
- ในช่วงปีสองปีแรกผมก็เคยได้รับอิทธิพลจากโซเชียลหรือบุคคลต่างๆนะ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ต้องช่างแม่งครับ อย่าเชื่ออะไรมากนัก (รวมถึงเพจผมด้วย) เชื่อตัวเองและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องสำคัญกว่า
เล่นในเกมของคุณ โดย Humble Trader Diary
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
ฝากกด like กด แชร์ หรือ comment เป็นกำลังใจให้ทางเพจด้วยนะครับ
Leave a Reply