แพ้บ้างก็ได้

– แพ้บ้างก็ได้ โดย Humble Trader Diary –

ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมตลาดประเทศไทยเริ่มตกหนัก ผมทักพี่คนหนึ่งไปด้วยความเป็นห่วง ซึ่งพี่คนนี้ถือเป็นครูทางด้านการลงทุนของผมเลย แกเข้าตลาดมาตั้งแต่ก่อน hamburger crisis แล้วประสบความสำเร็จอย่างมากจนถึงปัจจุบัน ผมทักแกไปเพราะความเป็นห่วงเนื่องจากแกเป็น investor ที่ไม่ได้ปรับสถานะเร็วมากนักและด้วยขนาดพอร์ตของแกที่มันไม่ง่ายนักที่จะขายสถานะได้ในราคาที่ต้องการ

ผมทักแกไปว่า “มาสเตอร์ เป็นไงบ้างครับ ยังโอเคมั้ยครับ”

แกก็ตอบกลับมาว่า “ยับเลยครับ.. ไทยตอนนี้ ytd -10 กว่า% …”

แล้วเราก็คุยกันต่อซักระยะตามภาษา ซึ่งจากความคิดส่วนตัวของผม ผมรู้สึกว่าด้วยสไตล์ของแก กับ situation ที่มันเกิดในตลาด ผมว่าแกอย่างเก่งเลย ซึ่งไม่นานผมว่าแกก็คงกลับมาได้ไม่ยาก ด้วยสภาพตลาดที่หุ้นราคาถูกลง หาหุ้นได้ง่ายขึ้น เพราะแกเป็น stock picker ที่เก่งมากๆ ในประเทศไทย และที่แกพอร์ตลดลงปีนี้นั้นมันไม่ใช่การขาดทุนที่เกิดจากการคัทหรืออะไรมากเท่าไหร่นัก โดยส่วนใหญ่เกิดจากที่หลายตัวถือลงทุนมาซักระยะตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วมันลงมาในปีนี้ พูดง่ายๆ ก็คือคืนกำไรกลับมาซึ่งผมว่าก็เป็นเรื่องปกติของคนที่เป็น investor อยู่แล้วครับ

สิ่งที่ผมมองเห็นอย่างชัดเจนในพี่คนนี้ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาคือ แกแพ้เป็น และกล้ายอมรับมันอย่างบริสุทธิ์ใจ รวมถึงแกก็พร้อมพัฒนาตลอดเช่นกัน โดยปกติเราจะชอบคุยกันเรื่องการแก้ปัญหาในเกมของเราอยู่ตลอด เจอตลาดแบบนีทำแบบไหน ถ้าหุ้นเกิดแบบนี้รับมือยังไง ต้องมีสัดส่วนหุ้นกับเงินในสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่ ขายแบบไหนทำให้ drawdown ลดลง

ซึ่งผมคิดว่า ด้วยวิธีคิดในการยอมรับ และพร้อมจะแก้ไขปัญหาของแกน่าจะเป็นกุญแจสำคัญให้แกประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน

และผมว่ามันไม่ได้คิดแบบนี้กันทุกคนครับ

ช่วงปีใหม่ผมได้คุยกับคนอื่นหลายๆ คนเหมือนกัน ทั้งในเพจแล้วก็เฟสส่วนตัว มีอยู่สองคนที่ผมจำไม่ลืมเลย

เคสแรกเป็นพี่คนนึงที่มาคุยกับผมเรื่องเทรดเซตอัพที่เขาใช้ตอนปีหลังโควิดที่ใช้ได้ดีเริ่มใช้งานไม่ได้

ตัวเขาพอร์ตวูบในช่วงกลางปีที่แล้ว พอร์ตยังไม่ฟื้นแล้วมาโดนในช่วงปลายเดือนมกราคมอีก ก็เลยไปนั่งคุยกันซักพักใหญ่ว่าแก้ปัญหายังไงดี แกบอกมันไม่น่าจะแก้ยาก เดี๋ยวจะลองไปแก้ดู แล้วแกก็เงียบหายไป จนเวลาผ่านไปซักระยะ ผมเห็นแกไปขายสัญญาณทางเทคนิค อยู่ในเฟสบุ๊คหลายกลุ่ม ซึ่งเป็นแบบจ่ายรายเดือน แล้วก็มีคนไปลงกับแกเยอะอยู่เหมือนกัน สิ่งที่แปลกๆ ก็คือ ไอ้ที่แกตีกราฟแล้วขายคนอื่นมันก็คือ เซตอัพที่มานั่งคุยกับผมนี่แหละครับ

อีกเคสนึงคือตอนผมเปิดให้ทุนการศึกษา มีน้องคนหนึ่งสมัครมา ก็เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาและปัญหาที่เกิดขึ้นที่ตัวเขาเจอทำให้การเทรดเขายังไม่ได้ดีอย่างที่คิด แล้วเขาอยากให้ผมช่วยแก้ตรงนั้นให้ จริงๆ ผมสนใจในตัวน้องท่านนี้เพราะเขียนมาได้ดีและอยู่ในอาชีพที่ผมสนใจ แต่พอดีน้องเขียนมาว่าเป็นเจ้าของเพจหุ้นหนึ่ง ก็เลยไปดูงานของเขาหน่อย แล้วพอเข้าไปดูในเพจก็ค่อนข้างแปลกใจ ไอ้ที่เขียนส่งมาขอทุนกับที่โชว์ในเพจมันแตกต่างกันมาก รวมถึงมีการโชว์ผลการเทรดระดับสุดยอดด้วยแล้วก็นั่นแหละทุกคนน่าจะรู้กันว่าเขาทำอะไรต่อ

จนสุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้ให้ทุนน้องเขา แต่ก็คิดว่าน้องเขาคงมีวิธีแก้ปัญหาของเขาแล้วแหละครับ

โดยส่วนตัวผมเข้าใจดีว่า การแก้ปัญหาแต่ละคนมันมีหลายแบบ และมันค่อนข้างยากที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาสู่สาธารณะในอุตสาหกรรมที่ภาพลักษณ์ภายนอกสำคัญเหลือเกินในการหาผลประโยชน์จากอีกฝ่าย

แต่ผมมีความเชื่ออย่างมากครับว่า การยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองและหาทางแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง มันเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นอย่างที่มาสเตอร์ที่ผมพูดถึงไปในตอนแรกเป็นมาตลอด

ซึ่งผมคิดว่า เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้คิดไปคนเดียวครับ วันนี้ผมจึงมีบทความของกูรูท่านหนึ่งมาให้ทุกคนอ่านกัน

บทความนี้ มีชื่อว่า การยอมรับการขาดทุน ทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้น โดย Dr. Gary Dayton

มีเทรดเดอร์จำนวนไม่มากนักที่อยากจะพูดเรื่องการขาดทุนของพวกเขา

เรื่องนี้เป็นหัวข้ออันดับหนึ่งเลยที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่อยากจะหลีกเลี่ยง

แน่นอนว่าไม่มีใครอยากขาดทุนและประสบการณ์การขาดทุนนั้นมันสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดทั้งทางด้านการเงินและทางด้านอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเป็นการขาดทุนก้อนใหญ่

มันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนทั่วไปอยู่แล้วที่จะพยายามหลีกหนีจากความเจ็บปวดนี้

แต่การทำสิ่งที่เป็นธรรมชาตินี้ในการเทรด อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเสมอไป

อย่างที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่รู้กัน การเป็นคนส่วนน้อยในตลาดมักจะให้ผลลัพธ์ระยะยาวที่ดีกว่าการคิดแบบคนส่วนใหญ่เสมอๆ ซึ่งการคิดอย่างคนส่วนน้อยอย่างเช่น การยอมรับเรื่องของการขาดทุนก็สามารถช่วยให้คุณทำผลงานได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่

การจัดการกับการขาดทุนอย่างตรงไปตรงมาจะเป็นตัวเปิดทางให้คุณมีทักษะการเทรดที่สูงขึ้น

การขาดทุนคือส่วนที่สำคัญของเกมการเทรด โดยเฉพาะทางด้านของจิตวิทยาในการเล่นเกมนี้ ซึ่งพวกเราทุกคนที่เข้ามาในเกมนี้ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการขาดทุนได้

ในความเป็นจริง ยิ่งคุณพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการขาดทุนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเกิดผลเสียต่อคุณมากเท่านั้น

การไม่เต็มใจยอมรับการเทรดที่ขาดทุนจะนำไปสู่การเทรดที่เอาแน่เอานอนไม่ได้และสร้างความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

ความคิดที่ฝังรากลึกในการหลีกหนีจากการขาดทุน (หรือบางครั้งอาจเรียกว่า loss aversion) มันเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของการกระทำแย่ๆ ของเทรดเดอร์ที่ไม่มีทักษะ เช่น การตัดขาดทุนช้าเกินไป การตั้งจุดตัดขาดทุนไม่เหมาะสม การถ่างจุดตัดขาดทุน การถัวเฉลี่ยขาลง และการไม่กล้าเข้าไปในสถานะที่เทรดเซตอัพนั้นสมบูรณ์แบบ เป็นต้น

ฉะนั้นการเรียนรู้ที่จะยอมรับการขาดทุน และการเรียนรู้ที่จะรับมือกับพวกมันอย่างถูกต้อง คือหนึ่งในทักษะทางต้านจิตใจที่สำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องพัฒนาเพื่อให้เขาอยู่รอดในตลาด

ก้าวแรกในการเรียนรู้เกี่ยวกับการยอมรับการขาดทุนคือการมีทัศนคติที่ถูกต้อง

คุณต้องรู้ว่าเทรดเซตอัพทุกรูปแบบนั้นมันอยู่บนเรื่องของความน่าจะเป็น

สิ่งนี้หมายถึง เซตอัพนี้สามารถทำให้คุณชนะได้ในระยะยาว แต่มันก็ไม่ได้หมายถึงการเล่นเซตอัพนี้ในวันพรุ่งนี้มันจะไม่ทำให้คุณขาดทุน

มันแค่บอกว่าเมื่อคุณเล่นมันต่อเนื่องในระยะยาว คุณจะสามารถสร้างผลกำไรได้ แค่นั้นเอง

ดังนั้น ทัศนคติที่ถูกต้องที่คุณจะต้องคิดให้ได้ คือ ถ้าคุณเล่นเซตอัพนี้ คุณต้องคิดให้ได้ว่ามันไม่สำคัญเลยว่าการเทรดครั้งต่อๆ ไป มันจะชนะหรือจะแพ้

สิ่งที่สำคัญคือ เทรดเซตอัพนี้มันจะกำไรถ้าคุณเทรดมันอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

การขาดทุนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเทรดเดอร์คนนั้น “เทรดได้ไม่ดี” เสมอไป

เมื่อเราลองพิจารณามันอย่างถี่ถ้วน การขาดทุนนั้นจะมอบหลายๆ บทเรียนที่มีค่าให้เราสามารถนำมาต่อยอดได้

ยกตัวอย่างเช่น การขาดทุนอาจจะบอกบางสิ่งเกี่ยวกับเซตอัพที่คุณใช้อยู่เป็นอย่างไร นอกจากนี้มันยังอาจบอกถึงสถาวะตลาดในขณะนั้น รวมถึงมันยังอาจจะบ่งบอกถึงพฤติกรรมส่วนตัว และนิสัยการเทรด (ทั้งนิสัยดีและนิสัยเสีย) ของตัวเราด้วย

จากสิ่งที่คุณเรียนรู้จากการขาดทุน คุณอาจจะได้เห็นว่าเซตอัพที่คุณใช้อาจจะทำได้ดีมากๆ ในสภาวะไม่กี่แบบ

และคุณอาจจะเรียนรู้อีกว่าการขาดทุนของคุณนั้นไม่ได้มาจากสิ่งอื่นเลย แต่มันมาจากข้อผิดพลาดส่วนตัวของคุณเองจาก ข้อมูลเฉพาะตัวแบบนี้จะทำให้คุณต้องเผชิญกับข้อจำกัดของตัวคุณเองและมันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับมัน (ว่าตัวเรานั้นมีจุดอ่อนและเป็นต้นเหตุของปัญหา)

พวกเราต้องเต็มใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและจุดไหนที่เรายังบกพร่อง

ถ้าไปดูในแวดวงของกีฬา นักกีฬาระดับท๊อปคือคนที่เขารู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนตรงไหน และถามกับโค้ชส่วนตัวว่า เขาจะแก้ไขจุดอ่อนตรงนี้อย่างไร พวกเขารู้ดีว่า การเปิดเผยข้อบกพร่องของตัวเองและคิดหาวิธีปรับปรุงมันจะทำให้ผลงานของพวกเขาก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว

แล้วตัวพวกเราหละ รู้มั้ยว่าตัวเราจะต้องปรับปรุงตรงส่วนไหน ?

การรู้ว่าการขาดทุนแต่ละครั้งให้บทเรียนอะไรกับเราบ้าง ทำให้เราสามารถปรับปรุงเทรดเซตอัพของเราไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้เราสามารถเข้าใจตลาดได้ดียิ่งขึ้น และมันทำให้เราสามารถปรับปรุงจุดสำคัญที่สามารถทำให้เราทำผลตอบแทนได้ดียิ่งขึ้นในท้ายที่สุด

ถ้าเราสามารถเปลี่ยนมุมมองให้เป็นแบบนี้ได้ จริงๆ แล้วการขาดทุนนั้นเป็นเป็นสิ่งมีค่าเหลือเกิน มันเป็นดั่งทองคำที่คุณไม่ควรซ่อนหรือหลีกหนีจากมัน

สิ่งที่คุณควรทำ คือปริ้นการเทรดของคุณออกมา เขียนทุกอย่างที่คุณคิดและคุณทำลงไป และประเมินว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งนี้มันคล้ายกับที่นักกีฬาเขาดูวีดีโอหลังเกม ในช่วงเวลาหลังเกมที่ทุกอย่างเริ่มสงบ นักกีฬาที่ดีจะเริ่มประเมินผลงานของตัวเองและพยายามเรียนรู้จากประสบการณ์การเล่นที่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งเทรดเดอร์อย่างพวกเราก็ควรจะทำในแบบเดียวกัน

แน่นอนว่าคุณไม่จำเป็นต้องโทรไปบอกเพื่อนหรอกว่า “เนี่ยวันนี้กูขาดทุนชิบหายแล้ว” แต่สิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องทำคือคุณต้องคิดว่าการขาดทุนของตัวเองเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง พยายามมองการขาดทุนในมุมมองที่ต่างจากเดิม และมองมันอย่างถี่ถ้วน ดีกว่าที่จะปฏิเสธและหลีกหนีจากพวกมัน

เริ่มรีวิวและวิเคราะห์การขาดทุนของคุณ และใช้มันเป็นเหมือนเครื่องมือในการพัฒนาการเป็นเทรดเดอร์ของคุณซะ

Dr. Gary Dayton

การแก้ไขการขาดทุนในตลาดมีหลายทาง คุณต้องเลือกว่าคุณจะเผชิญและแก้ไขมันแบบไหน

การยอมรับว่าตัวเองขาดทุนและหาทางพัฒนาเพื่อกลายเป็นนักลงทุน/เทรดเดอร์ที่เก่งขึ้น อาจจะเป็นวิธีการที่ลำบากและเห็นผลช้าที่สุด แต่ถ้าสุดท้ายแล้วคุณสามารถทำมันสำเร็จได้จริง มันอาจจะเป็นวิธีการที่ยั่งยื่นและผลลัพธ์ของมันอาจจะมากกว่าแบบที่คุณแก้ด้วยวิธีอื่นอย่างไม่เห็นฝุ่นโดยที่ไม่ต้องไปเดือดร้อนคนอื่นก็ได้ครับ

โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ

ปล. สามท่านที่ผมยกขึ้นมาอาจจะเป็นเพียงตัวละครสมมุติที่ผมสร้างขึ้นเพื่อให้บทความมันมีอรรถรสมากขึ้นก็ได้ครับ ฉะนั้นก็ไม่ต้องถามกันเด้อว่าแต่ละคนเป็นใคร 555

ฝากกด Like และ Share หรือ Comment เพื่อเป็นกำลังใจให้เพจทำผลงานต่อไปด้วยนะครับ


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *