ช่วงนี้แอดมินกำลังอินกับเรื่องของ การเทรดอย่างมีสติครับ (Mindful Trading) วันนี้ก็เลยสรุปสัมมนาของ Gary Dayton โค้ชจิตวิทยาการเทรดชื่อดังและผู้เขียนหนังสือ Trade Mindfully เกี่ยวกับเรื่องของการฟื้นฟูตัวเองจากการขาดทุนมาฝากครับ ซึ่งน่าจะเหมาะกับช่วงนี้ที่ตลาดค่อนข้างผันผวนและผ่านจากวิกฤตในตลาดหุ้นมาไม่นาน หวังว่าบทความนี้จะช่วยหลายๆ คนได้ ลองอ่านกันดูนะครับ

การขาดทุนหนักมันทำลายเราไม่ใช่แค่เพียงเรื่องทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ทำลายสภาพจิตใจของเราด้วย
วิธีการที่เราตอบสนองต่อการขาดทุนนั้นสำคัญกว่าเรื่องของการขาดทุน
นักลงทุนที่ขาดประสบการณ์มักจะถูกชักนำโดยอารมณ์ของพวกเขาหลังจากที่พบกับการขาดทุนอย่างหนัก
บางคนพยายามฝืนเทรดต่อไปทั้งๆ ที่เจ็บปวดซึ่งส่วนใหญ่มักจะจบด้วยความเสียหายที่มากกว่าเดิม
บางคนอาจถอนตัวจากการเทรด เก็บเรื่องราวใส่ลิ้นชัก หลีกเลี่ยงที่จะคิดถึงมันและหลงลืมมันไป
บางคนก้มหน้าก้มตาและพยายามที่จะเทรดให้ดีขึ้น เพื่อที่จะเอาเงินที่ขาดทุนคืน
ซึ่งการตอบสนองในรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้นไม่มีแบบไหนเลยที่เป็นการตอบสนองที่ดี
ชีวิตการเทรดของพวกเขาอาจจะถูกทำลายได้ หากไม่เรียนรู้เกี่ยวกับการรับมือการขาดทุน การตัดสินใจเทรดในครั้งถัดๆ ไปจะเต็มไปด้วยอารมณ์ซึ่งทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่แน่นอน เช่น พวกเขาอาจจะทำกำไรเร็วเกินไป บางคนอาจจะเทรดถี่ขึ้น บางคนอยู่กับการเทรดที่ตัวเองไม่ได้กำไรนานเกินไปเพื่อหวังให้มันกลับมาเท่าทุน ซึ่งเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมามักจะเกิดจากการกลัวความล้มเหลวหรือการขาดทุน
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จกับเทรดเดอร์ที่ล้มเหลว คือวิธีการรับมือกับการขาดทุน
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมองการขาดทุนเป็นเหมือนกับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาการเทรดของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น การกลับมาจากการขาดทุนหนักเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย แต่ความสำเร็จไม่เคยประสบผลหากเราหนี หลีกเลี่ยง และเพิกเฉยต่อการขาดทุน
การขาดทุนโดยเฉพาะการขาดทุนอย่างหนักเป็นบทเรียนและโอกาสครั้งสำคัญที่ทำให้คุณกลายเป็นเทรดเดอร์ที่เก่งกว่าเดิม
และนี่คือเจ็ดขั้นตอนการรับมือกับการขาดทุนของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จเพื่อทำให้พวกเขามีจิตใจและวินัยที่มากขึ้น
1. รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คุณเป็นคนที่ทำการเทรดและทำให้ตัวเองขาดทุน ฉะนั้นอย่าพยายามปัดความรับผิดชอบ หรือไปกล่าวโทษคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุทำให้เราขาดทุน
2. หยุดการเทรด
คุณต้องหยุดพักเพื่อมาดูว่าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นกับการเทรดของคุณ จากนั้นให้ทำการประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการทบทวนแต่ละเหตุการณ์อย่างละเอียดว่าส่วนไหนที่คุณทำผิดพลาด ยกตัวอย่างเช่น คุณเสี่ยงในการเทรดนี้มากเกินไปหรือไม่? แผนการเทรดที่ใช้มันดีจริงๆ หรือไม่? สภาวะจิตใจในช่วงที่เราทำการเทรดนั้นเป็นอย่างไร หรือคุณมีความกลัวในการขาดทุนหลังจากที่เทรดหรือไม่?
3. มีแผนการที่ชัดเจน
สิ่งที่คุณต้องทำคือมีรายละเอียดของแผนการเทรดล่วงหน้า โดยที่ส่วนประกอบของแผนควรจะประกอบไปด้วยสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อเกิดเงื่อนไขต่างๆ (เช่นการตัดขาดทุน เงื่อนไขในการทำกำไร เป็นต้น) และคุณควรระบุสิ่งที่คุณห้ามทำลงในแผนด้วย (เช่น การเลื่อนจุดตัดขาดทุนเมื่อถึงจุดตัดขาดทุน)
4. ทำแผนให้ดียิ่งขึ้น
คุณสามารถระบุปัจจัยที่ทำให้คุณกลับสถานะการเทรดของคุณได้หรือไม่?
เทรดเดอร์ที่ดี คือเทรดเดอร์ที่สามารถตัดขาดทุนและรอโอกาสในรอบต่อไปได้
เทรดเดอร์ที่ดีกว่านั้นสามารถที่จะกลับสถานะของเขาเมื่อโอกาสมาถึง ซึ่งเปลี่ยนจากที่เขาเสียเงินกลายเป็นเขาได้เงินจากการเทรด
ซึ่งการกลับสถานะได้นั้นคุณจะต้องระบุเงื่อนไขของมันให้ได้อย่างชัดเช่น เช่น การเปลี่ยนของ momentum, การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายอย่างผิดปกติ หรือพฤติกรรมราคาที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศของราคา
ถ้าเราสามารถระบุปัจจัยสำคัญเหล่านี้ได้ เราจะไม่เพียงแค่ลดในเรื่องของการสูญเสีย แต่ยังเป็นการเพิ่มความได้เปรียบในการเทรดอีกด้วย
5. มองการขาดทุนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเทรด
คุณควรมองการขาดทุนเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของการเทรด การสูญเสียเงินหรือแม้กระทั่งการขาดทุนอย่างหนักมันไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวคุณลดลง อย่าไปซีเรียสกับมันจนเกินไป พยายามหาสมดุลให้กับชีวิตโดยเฉพาะในช่วงที่ขาดทุนเพื่อให้คุณสามารถฟื้นคืนสภาพจิตใจกลับมาได้ไวและสามารถเทรดต่อไปได้
6. หาแรงบันดาลใจ
คุณควรใช้การขาดทุนแต่ละครั้งเป็นแรงขับเคลื่อนในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของคุณเพื่อให้คุณเทรดได้ดีขึ้น พยายามมองมันในแง่บวก นักกีฬาอาชีพจะตื่นเต้นเสมอเมื่อค้นพบข้อบกพร่องในเกมการเล่นของพวกเขา เพราะพวกเขาใช้จุดอ่อนเหล่านี้เป็นตัวเร่งในการพัฒนาความเป็นนักกีฬาของพวกเขา
7. กลับเข้าสู่เกม
หลังจากที่คุณทำการฟื้นฟูตัวเองตามขั้นตอนที่กล่าวมาด้านบนเรียบร้อยก็ถึงเวลากลับเข้าสู่การเทรด ถ้าคุณทำตามที่กล่าวมาข้างต้นได้อย่างสมบูรณ์ จิตใจและความพร้อมของคุณจะแข็งแกร่งและดีกว่าเดิม
ปล่อยการขาดทุนไปและใส่ใจในเรื่องของปฎิบัติเพื่อสร้างผลรับที่ดีขึ้น
จากที่มานั่งฟังคุณ Dayton สอนเกี่ยวกับเรื่องของการรับมือการขาดทุน สิ่งที่ผมเห็นด้วยอย่างมากคือ มุมมองที่แต่ละคนมองในเรื่องของการขาดทุนครับ โดยส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนมักจะมองเรื่องของการขาดทุนเป็นเรื่องเลวร้ายและเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เราเห็นอยู่ตามหน้าฟีดเฟสบุ๊ก
เราจะเห็นแต่การโชว์กำไรกันเต็มไปหมด หรือมีการโชว์ขาดทุนและพูดถึงการขาดทุนแต่ในภาพมีออเดอร์ที่กำไรที่มากกว่าแนบมาด้วย ซึ่งค่อนข้างขัดแย้งกับความเป็นจริงที่คนส่วนใหญ่ในตลาดนั้นจำเป็นจะต้องเสียเงิน
มุมมองเกี่ยวกับการขาดทุนเหล่านี้มักจะแตกต่างกับมุมมองของเหล่าคนที่ประสบความสำเร็จโดยสิ้นเชิง
คนที่ประสบความสำเร็จมักจะมองในเรื่องของความล้มเหลว หรือการขาดทุน (ที่มาจากการทำตามแผน) ในแง่บวก ดังเช่น quotes ที่ยกมาให้อ่านด้านล่างนี้ครับ
“Instead of getting upset over getting stopped out of a trade, I began to assign pleasure to sticking to my discipline and taking small losses to protect my capital. While at the same time, I associated a great amount of pain with large losses and breaking my discipline. With this new thinking, I could see small losses as an opportunity to avoid larger, more destructive losses. This enabled me to manage my risk in relation to my reward and maintain a profitable edge in my trading. It was a major turning point in my career. And it all happened by shifting my perception of pain and pleasure.”
#Mark_Minervini
“If you’re not failing, you’re not pushing your limits, and if you’re not pushing your limits, you’re not maximizing your potential … Pain plus reflection equals progress”
#Ray_Dalio
“No failure – only feedback; which is the breakfast of champions”
#Steve_wards
“I’ve missed more than 9,000 shots in my career. I’ve lost almost 300 games. Twenty-six times, I’ve been trusted to take the game winning shot and missed. I’ve failed over and over and over again in my life. And that is why I succeed.” #
#Michael_Jordan
คนที่ประสบความสำเร็จสามารถปรับมุมมองที่คนส่วนใหญ่มองในแง่ลบให้ตัวเองสามารถมองในแง่บวกได้
ผมเข้าใจว่า การมองเรื่องของการขาดทุนให้เป็นเรื่องที่ดีหรือเรื่องปกติ มันค่อนข้างจะทำได้ยากในทางปฏิบัติ แต่คิดว่าถ้าเราให้เวลากับมัน แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมุมมองต่างๆ หรือ reframing ให้ไปในทิศทางเดียวกันกับคนที่ประสบความสำเร็จเขาคิดกัน แล้วเราจะทำมันได้ในที่สุดครับ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหลายท่านๆ โดยเฉพาะกับคนที่ประสบปัญหาการขาดทุนอย่างหนักนะครับ
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
ปล. quotes แต่ละอันผมไม่อยากแปลเป็นไทยให้ครับ เพราะการอ่านภาษาจากต้นฉบับมันน่าจะอินมากกว่า
Leave a Reply